ปัจจุบัน ทางบริษัทถูกปรับเงินเป็นรายวัน เพราะยังไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดัง หรือรับมอบข้าวได้ตามเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาสามารถรับมอบข้าวไปได้เพียง 10,093 ตัน ยังเหลือค้างรับมอบอีก 7,096.5 ตัน มูลค่า 35.82 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในวันนี้ อคส. ได้เชิญบริษัทผู้ชนะการประมูลซื้อข้าวสารเสื่อมสภาพในสต๊อกรัฐบาล เพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ทั้ง 5 ราย ได้แก่ 1.บริษัท วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป จำกัด 2.บริษัท เอส. พี. เอ็ม.อาหารสัตว์ จำกัด 3.บริษัท เจริญ กิมเฮงฮวด จำกัด 4.บริษัท ยูนิโกร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 5.บริษัท ท็อป ฟีด มิลล์ จำกัด รวมปริมาณ 140,603 ตัน มูลค่า 933 ล้านบาท มาชี้แจงทำความเข้าใจรายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงแผนการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้า ก่อนลงนามในสัญญาซื้อข้าวกับ อคส.
"การขนย้ายข้าวครั้งนี้ยังคงเข้มงวด และโปร่งใสเหมือนเดิม ถ้าผู้ชนะประมูลไม่ทำตามสัญญา เช่น ขนข้าวออกจากคลังไม่ทันตามกำหนดในสัญญาจะถูกปรับ 0.2% ของมูลค่าข้าว และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นค่าฝากเก็บข้าวในคลังด้วย รวมทั้งถ้านำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ไม่ได้นำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมจริง จะถูกปรับอีก 25% และยังถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย" พล.ต.ต.ไกรบุญ กล่าว