โฆษกฯ แจงสื่อนอกเสนอข้อมูลตัวเลขลงทุนไทยปี 58 เป็นข้อมูลเก่า ยันต่างชาติยังใช้ไทยเป็นฐานผลิต

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 18, 2016 10:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุข้อมูลตัวเลขลงทุนไทยที่สื่อนอกนำเสนอเป็นข้อมูลเก่า ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ด้านการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะในปีนี้รัฐบาลได้เพิ่มประเภทกิจการและปรับสิทธิประโยชน์เพื่อให้เอื้อต่อการลงทุน

"จากการตรวจสอบข้อมูลโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พบว่า ข้อมูลที่เว็บไซต์ไซต์นิกเคอิชี้ต่างชาติเมินลงทุนในไทย 90% นำเสนอ เป็นตัวเลขมูลค่าการลงทุนในปี 58 และปี 58 เปรียบเทียบกับปี 57 ซึ่งไม่ใช่ข้อมูล ณ ปัจจุบัน รวมทั้งการนำตัวเลขทั้ง 2 ปีมาเปรียบเทียบกันนั้นอาจไม่ถูกต้อง เพราะหลักเกณฑ์การให้สิทธิ์มีความแตกต่างกัน ซึ่งการนำเสนอข่าวลักษณะนี้ อาจเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 59 รัฐบาลได้เพิ่มประเภทกิจการและปรับสิทธิประโยชน์เพื่อให้เอื้อต่อการลงทุน เช่น การส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม การยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี และลดหย่อนภาษี ร้อยละ 50 อีก 5 ปี สำหรับกิจการพัฒนาซอฟท์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม เป็นต้น

นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังเจรจากับผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก เพื่อชักจูงให้มาตั้ง Technical Center ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนสูง

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของประเทศต่าง ๆ ในช่วงต้นปีนี้ติดลบ เช่น จีน ติดลบ 25.4 สิงคโปร์ ติดลบ 20.7 อินโดนีเซีย ติดลบ 20.7 มาเลเซีย ติดลบ 19.7 ในขณะที่ไทย ติดลบ 9.3 ซึ่งยังถือว่าน้อยกว่าอีกหลายประเทศ ขณะที่แนวโน้มการลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนและสิงคโปร์ ก็ยังมีทิศทางที่ดีอยู่

“ท่านนายกฯ เน้นว่า ไทยจำเป็นต้องยกระดับการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่แปลกใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกับยืนยันว่าบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ยังยืนยันที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตโดยโตโยต้า มีแผนให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถไฮบริด อีซูซุ เน้นผลิตรถกระบะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไฮบริด นิสสัน เน้นผลิตรถไฟฟ้าเพื่อส่งออก และฮอนด้า เน้นให้ไทยเป็นฐานการวิจัยและพัฒนารถยนต์ในภูมิภาค เป็นต้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจการทำงานของรัฐบาลว่า จะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ ท่ามกลางภาวะที่กดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ได้ฝากไปยังสื่อมวลชนว่า ขอให้สื่อคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม หลีกเลี่ยงการรายงานข่าวที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของไทยในสายตานักลงทุน รวมทั้งได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ใช้วิจารณญานในการให้ข้อมูลกับสังคม โดยนอกเหนือจากการให้ข้อเท็จจริงของไทยแล้ว ต้องให้ข้อเท็จจริงของประเทศอื่น ๆ ประกอบไปด้วย เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ”


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ