(เพิ่มเติม) ครม.เห็นชอบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 รองรับการแข่งขันในอนาคต

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 22, 2016 15:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 (แผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3) ตามที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันนำเสนอ

สำหรับแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3 (2559–2563) จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดและทิศทางการพัฒนาระบบสถาบันการเงินสำหรับเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยวิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3 คือ ระบบสถาบันการเงินไทยแข่งขันได้ สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้นด้วยราคาที่เป็นธรรม และสนับสนุนการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนในภูมิภาค ภายใต้การกำกับดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน หรือตามแนวคิด “แข่งได้ เข้าถึง เชื่อมโยง ยั่งยืน"

แผนดังกล่าวมีกรอบนโยบายหลัก 4 ด้าน ดังนี้ 1. ส่งเสริมการใช้บริการทางการเงินและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ (Digitization & Efficiency) โดยสนับสนุนให้ผู้ให้บริการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีผลิตภัณฑ์ และบริการที่สอดรับความต้องการของผู้ใช้บริการ ส่งเสริมการให้ความรู้และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการและทบทวนกลไกราคาเพื่อกระตุ้นการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

ขณะเดียวกัน ธปท.จะสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) ของภาครัฐ อีกทั้ง สนับสนุนให้พัฒนากระบวนการทำงานภายในให้เป็นอัตโนมัติ และมีการเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานกลางร่วมกัน และมีระบบติดตามการทุจริตทางการเงิน (Fraud monitoring system) เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์ (Cyber risk)

นอกจากนี้ ในการส่งเสริมประสิทธิภาพและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ธปท. จะประเมินโครงสร้างระบบสถาบันการเงินและกำหนดภูมิทัศน์ (Landscape) ที่เหมาะสม เพื่อให้ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคงมีเสถียรภาพ และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศในระยะต่อไป

2. สนับสนุนการเชื่อมต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค (Regionalization) เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบการเงินไทยในการสนับสนุนการขยายตัวของการค้าการลงทุนและการเชื่อมโยงของประเทศในภูมิภาค รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) และการขยายตัวของธุรกิจไทยไปยังกลุ่มภูมิภาคดังกล่าว โดยมีมาตรการที่สำคัญ เช่น การเจรจาเปิดเสรีภาคการธนาคารในกลุ่มอาเซียน (Qualified ASEAN Banks: QABs) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินให้เอื้อต่อการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

3. ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Access) เพื่อให้ประชาชนรายย่อย กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการ โดยส่งเสริมให้ผู้ให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้สอดคล้องกับความต้องการ ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพิ่มช่องทางการในการเข้าถึงในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่จำเป็นของระบบสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านสถาบันการเงินและช่องทางอื่น

นอกจากนี้ ธปท. จะสนับสนุนการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อส่งเสริมและพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการระดมทุนของภาคเอกชน

4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Enablers) เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3 จึงจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในระบบการเงินควบคู่กันไป ทั้งการพัฒนาบุคลากรทางการเงิน การส่งเสริมความรู้ทางการเงินและความคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน การสนับสนุนให้มีกฎหมายทางการเงินที่เอื้อต่อการบริหารความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน รวมทั้งการพัฒนาเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินให้เหมาะสมตามมาตรฐานสากลเพื่อรักษาเสถียรภาพโดยรวมของระบบ

ธปท.ระบุว่า การดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3 จะเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจการเงินไทย และช่วยให้มีการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม (Inclusive growth) โดยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนและธุรกิจสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและสินเชื่อด้วยช่องทางที่หลากหลายและมีต้นทุนรวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม เป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการดำเนินธุรกิจการประกอบอาชีพ การศึกษา และการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ขณะเดียวกันการส่งเสริมความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมกันนี้ มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินของ ธปท.และการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินที่เป็นมาตรฐานสากลจะช่วยดูแลและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและธุรกิจ ผู้ใช้บริการด้วย

โดยระบบสถาบันการเงินไทยภายหลังแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 3 จะมีลักษณะดังนี้ สถาบันการเงินไทยแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีต้นทุนดำเนินงานต่ำ มีบริการที่ครบถ้วนและหลากหลาย ด้วยราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม, ประชาชนรายย่อย SMEs และธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึง และตรงกับความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต, สถาบันการเงินไทยมีบทบาทในภูมิภาค และมีบริการระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ, ระบบสถาบันการเงินไทยมีเสถียรภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศและสนับสนุนความอยู่ดีกินดีของประชาชนอย่างยั่งยืน

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 ตามการเสนอของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ซึ่งแผนพัฒนาฯ ในระยะที่ 3 นี้รองรับกับความท้าทายหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้น ทั้ง Digital Economic, Digital Banking และการรวมกลุ่มของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่มีกฎเกณฑ์กติกาที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความเข้มงวดมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

"กระทรวงการคลัง และธปท.ร่วมกันเสนอขึ้นมาเป็นแผนระยะที่ 3 ทั้งนี้เพื่อรองรับความท้าทายดังกล่าว" รมช.คลัง กล่าว

พร้อมระบุว่า ในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 3 นี้จะเน้นการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น การใช้ E-payment เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้จะมุ่งให้เกิดการเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค ทั้งด้านการลงทุน ตั้งสาขาธนาคารต่างๆ ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบในเรื่องตำแหน่งที่ตั้งจึงควรใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังทำให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และสุดท้ายคือ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในการดูแลและพัฒนาบุคลากรทางด้านการเงิน รวมทั้งคุ้มครองผู้บริโภค

"เราหวังว่าเมื่อแผนระยะ 3 เดินหน้าไปแล้ว สิ่งที่เราจะได้รับคือ การเพิ่มประสิทธิภาพ การเข้าถึงระบบสถาบันการเงิน การเชื่อมต่อกับสิ่งที่มีอยู่แล้วเข้ามาอยู่ในภูมิภาค ท้ายสุดคือ ระบบเศรษฐกิจของไทยจะมีเสถียรภาพ" นายวิสุทธิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ