นายฉัตรชัย ศิริไล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการเปิดให้ประชาชนขอกู้เงินตามโครงการบ้านประชารัฐในวันแรกว่า ตั้งแต่เวลา 08.30 น.มีประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจเข้ามาติดต่อขอกู้เงินแล้ว 2,000 ราย โดยส่วนใหญ่ขอวงเงินกู้เฉลี่ย 1-1.5 ล้านบาท/ราย ซึ่งหากเอกสารครบถ้วนจะสามารถอนุมัติได้ภายใน 5-7 วันทำการ
ทั้งนี้คาดว่าจะมีประชาชนขอกู้อย่างต่อเนื่อง และใช้เวลาราว 2 เดือนจะเต็มวงเงิน 20,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการบ้านประชารัฐคิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนและต่ำกว่าตลาดถึง 2% โดยหากกู้ไม่เกินวงเงิน 700,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 6 ปี อยู่ที่ 3.16% หรือผ่อนชำระเพียงเดือนละ 3,000 บาท/เดือน และหากกู้ไม่เกินวงเงิน 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6 ปี อยู่ที่ 4% หรือผ่อนชำระเพียงเดือนละ 7,200 บาทต่อเดือนเท่านั้น
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังไม่ระบุในส่วนของรายได้ขั้นต่ำของผู้กู้ ขณะเดียวกันยังเปิดกว้างให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือไม่มีการเดินบัญชี หรือเอกสารทางการเงินสามารถยื่นกู้เงินได้ แต่ธนาคารจะใช้วิธีการลงพื้นที่ในการตรวจสอบกิจการ หรือดูจากบัญชีเงินฝาก เอกสารรายรับและรายจ่ายที่แสดงรายได้ แทนสลิปเงินเดือน และยังผ่อนปรนการพิจารณาเรื่องของเครดิตในอดีต หากมีประวัติหนี้เสีย แต่ได้ปรับปรุงสถานะให้ดีขึ้นภายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารจะผ่อนปรนให้สามารถกู้เงินในโครงการได้และสามารถใช้หลักเกณฑ์เดียวกับโครงการบ้านที่มีรายได้น้อยที่พิจารณาหนี้เสียต่อรายได้สุทธิถึง 50%
นายฉัตรชัย กล่าวว่า หากโครงการบ้านประชารัฐได้รับความสนใจมากกว่าวงเงิน 20,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ จะมีการประเมินและพิจารณาเรื่องการขยายวงเงินอีกครั้ง โดยหากรัฐบาลเข้ามาให้การสนับสนุนก็สามารถขยายวงเงินได้เพิ่มเติม เพราะการทำโครงการดังกล่าวนั้น คาดว่าจะธนาคารสูญเสียรายได้ในส่วนของดอกเบี้ยปีละ 300-400 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ธนาคารได้เตรียมสินทรัพย์รอการขาย (NPA) เข้าร่วมโครงการกว่า 2,300 รายการ เพื่อให้ลูกค้าประชาชนเลือกซื้อด้วย