สำหรับขั้นตอนต่อไปคือนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
"การตัดสินใจของท่านนายกฯ ยืนอยู่บนหลักการที่ชัดเจนคือยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศชาติทั้งในปัจจุบัน และอนาคตเป็นหลัก เพื่อให้ประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับโครงการหมุนเวียนและตกอยู่ภายในประเทศทั้งหมด อาทิ การ พัฒนาที่ดินสองข้างทางเพื่อจัดที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย การสร้างเมืองใหม่ การสร้างงานรองรับลูกหลานที่จะจบ การศึกษาในอนาคต การเพิ่มอาชีพทางเลือกให้แก่เกษตรกร และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม เมื่อมีข่าวความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน ปรากฎออกไป ก็มีเสียงตอบรับจากหลายฝ่าย ทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน นัก พัฒนาที่ดิน และประชาชนในพื้นที่ชื่นชมว่าเป็นการตัดสินใจที่คำนึงผลในระยะยาวที่จะเกิดกับประเทศไทยอย่าง รอบคอบ ซึ่งท่านนายกฯ ฝากขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ และเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย"พลตรีสรรเสริญ กล่าว
พลตรีสรรเสริญ กล่าวอีกว่า แม้จะมีผู้มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองพยายามบิดเบือนข้อมูล และสร้างความ สับสนในสังคม เช่น พยายามตั้งคำถามว่าทำไมไม่เปิดประมูล รัฐบาลจะได้ไม่ต้องเสียงบประมาณ หรือแม้แต่การนำ ตัวเลขค่าก่อสร้างมาเปรียบเทียบแล้วพยายามชี้ว่าตัวเลขการก่อสร้างถูกที่สุดคือดีที่สุด ก็ต้องชี้แจงว่าค่าก่อสร้างเพียง อย่างเดียวไม่อาจสะท้อนเรื่องความเหมาะสม เพราะหากค่าก่อสร้างถูก แต่ค่าซ่อมแพง หรือผูกมัดว่าต้องจ้างเดินรถด้วย ซ่อมรถด้วย รวมแล้วอาจไม่ถูกอย่างที่คิด ดั้งนั้น ต้องนำทุกเรื่อง ทุกตัวเลข มาคำนวณอย่างรอบด้านด้วย
"ประเทศไทยมีบทเรียน ความเจ็บปวดจากโครงการในอดีต ที่ผิวเผินดูดี แต่กลายเป็นภาระให้ชาติ เป็นความ เสียหายในระยะยาวให้ลูกหลานมามากแล้ว ท่านนายกฯและรัฐบาลชุดนี้ ไม่ต้องการให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเช่นนั้น อีก ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง ต้องเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และต้องไม่ทำเพียงแค่การพูด แต่ต้องด้วยการ ลงมือปฏิบัติให้ประจักษ์อย่างแท้จริง"พลตรีสรรเสริญ กล่าว