สศค.เผยเศรษฐกิจไทยก.พ.ได้แรงหนุนจากใช้จ่ายภาครัฐ-ส่งออกปรับตัวดีขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 30, 2016 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.พ.59 ได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่ขยายตัวได้ในระดับสูงที่ 36.9% และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ขยายตัวได้ดีที่ 16% ประกอบกับการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นบ้างในหมวดการลงทุนภาคเอกชน แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนยังคงมีการชะลอตัว ซึ่ง สศค.จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนในเดือน ก.พ.59 มีสัญญาณชะลอตัว แม้ว่าเครื่องชี้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 3% จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศที่ขยายตัว 5.7% เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การบริโภคตัวอื่นหดตัวลง เช่น ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และปริมาณจำหน่ายรถยนต์

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยอยู่ที่ระดับ 63.5 เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยยังไม่ฟื้นตัว กอปรกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออกหลัก เช่น ยางพารา และข้าว ที่ลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบและภาวะเศรษฐกิจโลก

การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์กลับมาขยายตัวที่ 3.7% นอกจากนี้ การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์กลับมาขยายตัวที่ 1.9% อย่างไรก็ตาม ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนกลับมาหดตัวที่ -11.6% และเมื่อหักสินค้าพิเศษ (เครื่องบิน เรือ และรถไฟ) พบว่าหดตัว -8.3%

สถานการณ์ด้านการคลัง ยังสะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของรัฐบาลจากการเร่งรัดการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวในระดับสูง โดยการเบิกจ่ายงบประมาณรวมเบิกจ่ายได้จำนวน 160.6 พันล้านบาท ขยายตัว 6.8% การเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันเบิกจ่ายได้จำนวน 138.6 พันล้านบาท ขยายตัว 5.5% 1.รายจ่ายประจำ 108.9 พันล้านบาท หดตัว -0.8 และ 2.รายจ่ายลงทุน 29.8 พันล้านบาท ขยายตัว 36.9% สำหรับการจัดเก็บรายได้รัฐบาล พบว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 154.1 พันล้านบาท ขยายตัว 3% ขณะที่ดุลเงินงบประมาณขาดดุลจำนวน -13.9 พันล้านบาท

ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าปรับตัวดีขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐขยายตัวถึง 10.3% ซึ่งมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีนี้มาจากสินค้าในกลุ่มพิเศษชั่วคราว โดยเฉพาะการส่งออกทองคำ และยุทโธปกรณ์ เช่น แต่เมื่อหักมูลค่าการส่งออกทองคำออก จะทำให้มูลค่าการส่งออก (หักทองคำ) ขยายตัวอยู่ที่ 1.5%

ทั้งนี้ การส่งออกขยายตัวในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดคู่ค้าหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป สหรัฐ ฮ่องกง และตลาดอาเซียน-5 และสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดีมาจากสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะผักผลไม้กระป๋องและแปรรูป และน้ำตาล รวมถึงกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสำคัญ

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานยังคงขยายตัวได้ดีจากภาคการท่องเที่ยว สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนก.พ.59 มีจำนวน 3.1 ล้านคน ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 16% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก และนักท่องเที่ยวจากยุโรปขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 22 เดือน นับจากเดือน เม.ย.57

เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.พ.59 อยู่ที่ -0.5% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.7% สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นผู้ว่างงาน 3.4 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน ม.ค.59 อยู่ที่ระดับ 44.1% ถือว่ายังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60%

สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.พ.59 อยู่ที่ระดับ 168.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 3.1 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ