พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังนำคณะสื่อมวลชนและผู้บริหารกระทรวงฯ เยี่ยมชมคลังก๊าซบ้านโรงโป๊ะ และคลังก๊าซเขาบ่อยา จังหวัดชลบุรี ของ บมจ.ปตท.(PTT) ว่า PTT มีแผนลงทุน 4,000 ล้านบาท ซื้อหัวรถจักรลากจำนวน 10 หัว เพื่อใช้ขนส่งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) กระจายไปยังคลังภูมิภาค ซึ่งกระทรวงฯ เห็นด้วยเนื่องจากการขนส่งแอลพีจีทางรถไฟสามารถขนส่งครั้งละมากๆ จะช่วยให้ต้นทุนลดลง 50% เมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถยนต์ ขณะเดียวกันยังมีความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งกระทรวงพลังงานจะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาร่วมกัน คาดว่าจะความชัดเจนภายใน 1-2 ปีนี้
สำหรับคลังก๊าซเขาบ่อยาและคลังก๊าซบ้านโรงโป๊ะเป็นศูนย์กลางการรับก๊าซแอลพีจีจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ การนำเข้า ส่งออก เก็บสำรอง และจ่ายทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำด้วยระบบการจัดการมาตรฐานสากลบนพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ณ จังหวัดชลบุรี
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีได้ลอยตัวตามกลไกราคาตลาดที่กำหนดให้สะท้อนต้นทุนการจัดหาที่แท้จริงแล้ว แต่ยังมีกฎระเบียบบางอย่างที่ยังไม่สามารถทำให้เกิดการค้าขายเสรีเต็มรูปแบบอย่างเต็มศักยภาพได้ เช่น ปัจจุบันยังมีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพียงรายเดียวที่นำเข้าก๊าซแอลพีจี ดังนั้นการตรวจเยี่ยมครั้งนี้เป็นการตรวจติดตามเพื่อรองรับความพร้อมในการแข่งขันที่เสรีมากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งรัฐเน้นการปรับโครงสร้างกิจการให้มีการแข่งขันอย่างเสรีมากยิ่งขึ้นตามโรดแม็ปที่กำหนดไว้
ด้านนายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างลงทุนโครงการเพิ่มขีดความสามารถการนำเข้า การจ่าย และระบบขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LIFE Project) ใช้เงินลงทุน 9,900 ล้านบาท ประกอบด้วย คลังเก็บแอลพีจี ขนาด 2.5 หมื่นตัน จำนวน 2 ถัง และท่าเรือ เพื่อรองรับแอลพีจีจากเดิมรองรับได้จาก 1.3 แสนตัน เป็น 2.5 แสนตันต่อเดือน โดยจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนเมษายนนี้ และเริ่มใช้ได้ภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้