นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ 1/2559 ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ฯลฯ ซึ่งที่ประชุมได้นำประเด็นปัญหาอุปสรรคการค้าชายแดนที่ภาคเอกชนในคณะทำงานย่อยด้านการค้าชายแดนและค้าข้ามแดนที่อยู่ภายใต้คณะทำงานส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ (D4) ขอให้เร่งพิจารณาแก้ไขมา 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
1.การขอขยายมูลค่าสินค้าอาเซียนนำติดตัว (Hand Carry) ที่เดินทางเข้าออกตามด่านการค้าชายแดนของไทยและประเทศเพื่อนบ้านจาก 200 USD เป็น 3,000 USD เพื่อส่งเสริมและขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2.การขอขยายเวลาทำการของด่านการค้าชายแดน และ 3.การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนด้านเมียนมาและกัมพูชา ซึ่งที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม รับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกระทรวงคมนาคมได้แจ้งถึงกำหนดการประชุมรัฐมนตรีคมนาคม GMS ที่จะจัดขึ้นเดือน พ.ค.59 ซึ่งจะนำประเด็นปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้าในการประชุมครั้งนี้เข้าไปร่วมพิจารณาด้วย
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังซบเซา แต่การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมีอนาคตที่สดใส ทั้งจากกำลังซื้อที่ขยายตัวต่อเนื่องของประเทศเพื่อนบ้าน ระบบคมนาคมขนส่งที่มีความสะดวกสบาย และการผ่อนคลายกฎระเบียบการค้าจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และสินค้าไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศเพื่อนบ้าน ล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้มูลค่าการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการค้าชายแดนในปี 59 ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์มีโครงการเพื่อส่งเสริมและขยายมูลค่าการค้าชายแดนดังต่อไปนี้ 1.การจัดคณะผู้แทนการค้าการลงทุนไทยเดินทางไปเจรจาการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน (ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา) 2.โครงการจัดมหกรรมการค้าชายแดนที่จังหวัดนครพนมระหว่างวันที่ 12-14 พ.ค.59 ภายใต้แนวคิดขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้ จากนั้นจะขยายโครงการไปยังจังหวัดหนองคาย จังหวัดเชียงราย จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ตามลำดับ 3.การสร้างเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศ CLMV ภายใต้โครงการ YEN-D (Young Entrepreneur Network Development Program)