พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายมาร์ค การ์นิเยร์ (Mr. Mark Garnier) ผู้แทนพิเศษด้านการค้าของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สหราชอาณาจักร มีพลวัตเชิงบวก และหวังให้สหราชอาณาจักรรื้อฟื้นการแลกเปลี่ยนและปฏิสัมพันธ์ระดับสูง พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังคงเข้มแข็งและมีพัฒนาการทางบวกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการส่งเสริมการลงทุน และมีมาตรการจูงใจด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล เช่น การพัฒนาระบบราง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมถึงหวังให้มีความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการบินและอากาศยาน ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยและสหราชอาณาจักรสามารถเพิ่มพูนการค้าการลงทุนเพื่อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้แสดงความขอบคุณที่สหราชอาณาจักรได้สนับสนุนให้ EU กลับมาเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป (Thai-EU FTA) กับไทย ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมจะประสานกับคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า (DG Trade) และฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเจรจาต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่การศึกษาระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยยินดีที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังจะลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมหุ้นส่วนกับฝ่ายสหราชอาณาจักรในเร็วๆ นี้
ด้านนายมาร์ค การ์นิเยร์ ผู้แทนพิเศษด้านการค้าของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เห็นว่าไทยยังคงมีศักยภาพและมีข้อได้เปรียบในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนักลงทุนสหราชอาณาจักรสนใจที่จะขยายการลงทุนในไทยและใช้ไทยเป็นประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมหวังให้รัฐบาลไทยผลักดันการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อภาคเอกชนสหราชอาณาจักร เช่น พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (Foreign Business Act) และประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงกรณีสัมปทานการก่อสร้างคลังน้ำมัน และด้านอุตสาหกรรมการบินและอากาศยาน ซึ่งบริษัท Roll Royce ยังสนใจที่จะมาลงทุนในไทย โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฐานซ่อมบำรุงและทดสอบอากาศยานในภูมิภาคด้วย
ขณะเดียวกัน ยังยินดีที่จะส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในสหราชอาณาจักรมากขึ้น โดยเฉพาะนอกกรุงลอนดอนตามนโยบาย Northern Powerhouse ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร และพร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือในด้านการศึกษา ซึ่งจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระดับประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ และสหราชอาณาจักรเองก็ยินดีจะเข้ามาสนับสนุนความร่วมมือในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาขีดความสามารถ และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย