นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่าในทุกช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ทำให้คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก โดยช่วงสงกรานต์ประจำปี 2559 นี้ ระหว่างวันที่ 8-18 เมษายน 2559 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการรวมทั้งสิ้นสูงถึง 1.83 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 166,760 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถือว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1,538,562 คนและ ผู้โดยสารภายในประเทศ 295,794 คน
ส่วนของเที่ยวบินคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีเที่ยวบินให้บริการรวมทั้งสิ้นประมาณ 10,296 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 936 เที่ยวบิน ซึ่งน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.77 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 8,064 เที่ยวบินและเที่ยวบินภายในประเทศ 2,232 เที่ยวบิน โดยในจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดนี้ มีสายการบินประจำและสายการบินเช่าเหมาลำ จำนวน 15 สายการบิน ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ รวมทั้งสิ้น 157 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 141 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ จำนวน 16 เที่ยวบิน โดยสายการบินที่ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สายการบินไชน่าเซาเทิร์น จำนวน 20 เที่ยวบิน สายการบินเอเชียแอตแลนติกส์ จำนวน 18 เที่ยวบิน และสายการบินรอยัลไฟลท์ จำนวน 18 เที่ยวบิน
นายศิโรตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การบริการในช่วงดังกล่าวเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ทสภ. ได้มีการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชน (Passenger Facilitation Center)" เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่ผู้โดยสารและประชาชนที่มาใช้บริการในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว โดยศูนย์ประสานงานฯ นี้จะเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8-18 เมษายน 2559 ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารแถว R
ทั้งนี้ภายในศูนย์ฯ จะจัดให้มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภายใน ทสภ. ปฏิบัติงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์ปริมาณผู้โดยสารในแต่ละชั่วโมง และนำมาเป็นข้อมูลในการจัดจำนวนเจ้าหน้าที่และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เคาน์เตอร์เช็คอิน จุดตรวจค้น จุดตรวจหนังสือเดินทางให้เพียงพอรองรับกับการใช้บริการ และประสานงานกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายการบิน ตม. ศก. เป็นต้น
นอกจากนี้ ทสภ. ยังได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย โดยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยนั้นได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ทอท. และของบริษัทผู้รับจ้าง รวมไปถึงได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว สารวัตรทหาร ให้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ และเพิ่มความถี่ในการตรวจตราตามจุดต่าง ๆ อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร อาทิ การตรวจใต้ท้องรถยนต์ที่จะเข้าจอดในอาคารจอดรถและลานจอดรถทุกคัน จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมตรงจุดตรวจค้นในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อให้การตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระเป็นไปอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการท่าอากาศยานในช่วงระยะเวลาที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ทสภ. จึงขอแนะนำให้ผู้โดยสารใช้บริการระบบอัติโนมัติที่ ทสภ. จัดไว้ให้ ได้แก่ เครื่องเช็คอิคนอัตโนมัติด้วยตนเอง (Common Use Self Service: CUSS) และเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Channel) เพื่อไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวนาน ซึ่ง ทสภ.ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยแนะนำและอำนวยความสะดวกในการใช้บริการเครื่องดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมงด้วย สำหรับการให้บริการด้านการจราจรและการขนส่ง ทสภ. มีพื้นที่จอดรถรองรับได้มากถึงกว่า 8,000 คัน ได้แก่ พื้นที่บริเวณอาคารและลานจอดรถยนต์ 1-4 สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณ 5,500 คัน พื้นที่จอดรถสำรองบริเวณด้านข้างโรงแรมโนโวเทล รองรับได้ประมาณ 450 คัน และลานจอดรถยนต์ระยะยาว (Long Term Parking) บริเวณโซน A,C และ D ที่อยู่ใกล้กับศูนย์การขนส่งสาธารณะ (Bus Terminal) สามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 2,154 คัน
นอกจากนี้ ทสภ. ยังได้อำนวยความสะดวกโดยจัดรถ Shuttle Bus เพื่อรับ - ส่ง ผู้โดยสารระหว่างลานจอดรถยนต์ระยะยาวกับอาคารผู้โดยสารชั้น 4 ประตู 5 โดยให้บริการทุกๆ 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
นายศิโรตม์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับการดูแลเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้มีความพร้อมในทุกด้าน อาทิ ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ระบบลิฟต์ บันไดเลื่อน รถเข็นกระเป๋า โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแล เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อุปกรณ์ต่าง ๆ ขัดข้อง เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขได้ทันที