พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ต่อเนื่องจากโครงการตำบลละ 5 ล้าน เนื่องจากโครงการตำบลละ 5 ล้านบางกรณีได้รับประโยชน์ในกลุ่มหนึ่งเช่น ลานตากมัน แต่ประชาชนอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้รับอานิสสงค์จากโครงการตำบาลละ 5 ล้านบาท
"โครงการนี้จึงมาอุดช่องโหว่ ใครที่ยังไม่ได้รับอานิสสงส์จากตรงนั้นและต้องการจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็จะใช้เงินจากโครงการนี้ จากที่ผ่านมาจะเน้นเฉพาะเศรษฐกิจ แต่ครั้งนี้เน้นเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กันไป โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นกลไกในการขับเคลื่อน"
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น ขั้นตอนในการดำเนินการจะเริ่มจากคณะกรรมการหมู่บ้านจะคิดหารือกันว่าจะทำอะไรที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆ แล้วก็เสนอขึ้นมาภายใต้การแนะนำของผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เกษตรตำบล เกษตรอำเภอ แล้วก็ส่งโครงการที่ผ่านความเห็นจากบุคคลเหล่านี้แล้วมาที่คณะกรรมการระดับอำเภอ อำเภอจะเป็นผู้พิจารณาและตกลงเห็นชอบให้โครงการนั้นๆดำเนินไปได้ งบประมาณจะสั่งจ่ายผ่านกระทรวงมหาดไทยไปที่ระดับอำเภอ และไปที่หมู่บ้าน ซึ่งจะรวดเร็วเหมือนเดิม
ส่วนที่วิตกกังวลเรื่องความไม่ชอบมาพากล มีการทุจริตหรือไม่ กลไกของหมู่บ้านจะต้องร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการทดสอบว่าคณะกรรมการหมู่บ้าน ประชาชนในหมู่บ้านจะช่วยกันดูแลโครงการของตัวเองอย่างไรไม่ให้เงินรั่วไหล ถ้าตรวจพบต้องสอบสวน แต่ต้องไม่เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ วงเงินต่อหมู่บ้าน 2 แสนบาท เดิมเสนอมา 3 แสนบาท แต่กระทรวงการคลังหารือกับสำนักงบประมาณแล้วเห็นว่าที่เหมาะสมควรจะเป็น 2 แสนบาทต่อ 1 หมู่บ้าน จำนวนทั้งหมด 74,900 หมู่บ้าน คิดเป็นวงเงินรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า หลังสงกรานต์จะมีการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อทำความเข้าใจแนวทางการขับเคลื่อนโครงการนี้ จะเริ่มนับหนึ่งการดำเนินการโครงการนี้ในวันที่ 1 พ.ค.59 และ จะต้องเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน
"รมว.มหาดไทย ยืนยันร่วมกับ รมว.คลัง รมว.เกษตรฯ ว่าถ้าเป็นไปตามแผนนี้จริง ทำได้ใน 3 เดือนไม่เกิดความล่าช้าโครงการนี้จะจบสิ้นภายใน 31 ก.ค.59 ครม.จึงมีมติเห็นชอบ"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว