นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมสนามบินอู่ตะเภาว่า ถือเป็นสนามบินที่มีศักยภาพสูง ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติได้ และจะเป็น S curve ใหม่เกี่ยวกับด้านการบินของประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังรับฟังการบรรยายจากทางกองทัพเรือ เห็นว่ามีการเตรียมแผนสำหรับรองรับนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลไว้พร้อมแล้ว ทั้งในส่วนของระบบการคมนาคม ซึ่งเป็นระบบโลจิสติกส์ที่สำคัญและเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างมาก รวมทั้งเชื่อว่าจะมีการลงทุนในธุรกิจต่างๆ จะตามมา ทั้งศูนย์ซ่อมบำรุง ศูนย์ฝึกบิน รวมทั้งจะมีการหารือในอนาคตว่าจะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีลานจอด Private Jet ด้วย
"ดูแล้วมีความมั่นใจว่าสนามบินอู่ตะเภามีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็น S curve ที่มีศักยภาพพร้อมลงทุนได้ เพราะมีการวางแผนการดำเนินการไว้อย่างดี" รมว.คลัง กล่าว
พร้อมระบุว่า ทางกองทัพเรือได้วางแผนระยะยาวเกี่ยวกับการเดินทางเพื่อเข้าสู่สนามบินอู่ตะเภา โดยวางแผนเพื่อให้มีความเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงให้สามารถเข้ามาถึงอาคารผู้โดยสารได้ รวมทั้งการวางแผนการเดินทางทางถนน ทั้งนี้ ในภาพรวมคาดว่าสนามบินอู่ตะเภาจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2570
ในส่วนของงบลงทุนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่ามีความจำเป็นจะต้องดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างเฟสแรกได้ดำเนินการไปแล้ว และขณะนี้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 3 ล้านคน ก็เตรียมจะเปิดให้บริการ และเริ่มมีสายการบินโลวคอสต์ 4-5 สายการบินเข้ามาใช้บริการแล้ว ส่วนการเตรียมความพร้อมด้านมาตรฐานการบินต่างๆ นั้น ก็เชื่อว่าจะมีการพัฒนาให้ได้ตามมาตรฐาน เช่น ICAO เป็นต้น
ด้าน พล.ร.ต.วรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา คาดว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า-ออกสนามบินอู่ตะเภาเฉลี่ย 4 พันคน/วัน จากจำนวนสายการบิน 12 เที่ยวบิน/วัน และคาดว่าภายหลังการเปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 3 ล้านคน/ปี
นอกจากนี้ สำหรับปริมาณผู้โดยสารในช่วง ต.ค.58 - ม.ค.59 อยู่ที่ 1.5 แสนคน ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยว จากที่ทั้งปี 58 มีจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการที่สนามบินอู่ตะเภา 1.7 แสนคน