นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมากในช่วงวันที่ 12-13 เม.ย. ดังนั้นจึงได้เตรียมปรับปรุงประสิทธิภาพโครงข่ายคมนาคมเพื่อรองรับการเดินทางในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง 10,000 คน กรมทางหลวงชนบท 10,000 คน คอยให้ความช่วยเหลือตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในความปลอดภัยบริเวณจุดตัดรถไฟอย่างเข้มข้น ซึ่งมีจำนวน 137 จุด ที่มีความเสี่ยง เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำเครื่องกั้นอัตโนมัติ ดังนั้น กรมทางหลวงชนบทจะจัดเจ้าหน้าที่ไว้ประจำจุดละ 4 คน ส่วนทางลักผ่านนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ประสานโดยตรงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มาช่วยดูแล
รมว.คมนาคม กล่าวด้วยว่า ในส่วนรถโดยสารสารสาธารณะต่างๆ ทั้งรถบขส., รถทัวร์ และรถตู้ จะต้องมีความปลอดภัย โดยมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และยาเสพติดจากพนักงานขับรถอย่างเข้มงวด, การคาดเข็มขัดนิรภัย, พนักงานขับรถต้องแนะนำตัวเองและผู้ช่วย และเส้นทางที่จะวิ่งและจุดแวะพัก, พนักงานขับรถจะต้องมีบัตรประจำตัว เพื่อเข้าระบบหากประเภทใบขับขี่กับประเภทรถไม่ตรงกันจะสตาร์ทรถไม่ได้ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี มีการควบคุมความเร็วรถ ซึ่งกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะมีศูนย์ควบคุม GPS เชื่อมโยงกับรถโดยสารทุกคัน สามารถรายงานและสื่อสารถึงรถแต่ละคันได้ตลอดเวลา
ส่วนการเดินทางโดยเครื่องบินนั้น ทุกสนามบินทั้งของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท., กรมท่าอากาศยาน และสนามบินของเอกชน ได้กำชับมาตรการความปลอดภัย สายตรวจในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ ทอท.และคสช.จะร่วมมือกัน ซึ่งอาจจะเข้มงวดในการตรวจสอบสัมภาระมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ดี มีข้อกังวลเรื่องความแออัดของผู้โดยสารในช่วงก่อนเช็คอิน จึงขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารเดินทางไปถึงสนามบินล่วงหน้า เพราะวันที่ 12 และ 13 เม.ย.คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก ทั้งนี้การเพิ่มเที่ยวบินอาจจะไม่สามารถทำได้มากนัก เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนเครื่องบินและนักบิน
ขณะที่ปัญหาแท็กซี่ที่ให้บริการที่สนามบินดอนเมืองมีไม่เพียงพอนั้น เนื่องจากแท็กซี่ส่วนหนึ่งจะกลับบ้านไปฉลองสงกรานต์เช่นกัน ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงได้ประสานกับสหกรณ์แท็กซี่ทุกแห่ง รวมทั้ง จส.100 เพื่อให้ข้อมูลและส่งแท็กซี่หมุนเวียนเข้ามาที่สนามบินได้ทัน จากนั้นในวันที่ 15-16 เม.ย.คาดว่าจะมีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ อย่างไรก็ดี ได้ให้ ขสมก.จัดรถเสริม A1, A2 ซึ่งวิ่งจากสนามบินดอนเมืองไปจตุจักรและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ออกทุก 7 นาที และหากไม่เพียงพอจะสามารถเสริมได้ทันที เพื่อรองรับกรณีผู้โดยสารต้องรอแท็กซี่นาน
ด้านนายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยถึงจำนวนผู้โดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.59 ว่า มีจำนวนกว่า 470,000 คนแล้ว โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.59 มีผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการ 163,533 คน ใกล้เคียงกับประมาณการที่ตั้งไว้ 170,000 คน โดย บขส.สามารถระบายผู้โดยสารกลับได้หมดในเวลา 23.00 น. ส่วนในวันนี้ บขส.ได้จัดเที่ยวรถเสริมจากเที่ยวปกติ 7,079 เที่ยว เพิ่มขึ้น 1,062 เที่ยว รวม 8,141 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 167,075 คน
ส่วนวันพรุ่งนี้ (12 เม.ย.) คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้สูงสุดประมาณ 200,000 คน และสำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และรถวีไอพี ของ บขส. เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 8-12 เม.ย.59 ให้ไปขึ้นรถที่กรมการขนส่งทางบก ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ให้ติดต่อซื้อตั๋วโดยสารและขึ้นรถเสริมที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เท่านั้น ตั้งแต่เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป จนถึงเที่ยวสุดท้ายของการเดินรถ ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อสงสัยในการเดินทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง