ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) เดือน มี.ค.59 อยู่ที่ 43.6 โดยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 59 เป็นต้นมา โดยครัวเรือนส่วนใหญ่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านรายได้ ซึ่งเครื่องชี้รายได้ที่แท้จริงในและนอกภาคเกษตรยังคงไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนจนสามารถชดเชย/ลบล้างมุมมองเชิงลบของหลายครัวเรือนที่มีต่อภาระหนี้สิน สะท้อนว่าความเชื่อมั่นต่อภาวะการครองชีพของครัวเรือนยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างอ่อนแอแล้ว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของการบริโภคของภาคเอกชน
"ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือน มี.ค.59 ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ 43.6 เช่นเดียวกับดัชนีสะท้อนการคาดการณ์ของครัวเรือนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ที่ปรับตัวลดลงมาที่ 45.0 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 8 เดือน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้อาจขยายตัวที่ 1.9% (กรอบคาดการณ์ 1.5-2.3%) ซึ่งต่ำลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.1% โดยมีประเด็นเสี่ยงของเศรษฐกิจในภาพใหญ่ อาทิ ภัยแล้ง และความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก น่าจะมีผลกดดันให้การฟื้นตัวของรายได้ภาคครัวเรือนอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด และอาจจะยังไม่สามารถชดเชยกับภาระหนี้และค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ความหวังในระยะข้างหน้าจะอยู่ที่การใช้จ่ายของรัฐบาลทั้งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการต่างๆ จะสามารถช่วยหนุนการฟื้นตัวของสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพใหญ่ พร้อมๆ กับประคับประคองความเชื่อมั่นในระดับครัวเรือนได้หรือไม่ในระยะต่อจากนี้ เมื่ออีกหลายบททดสอบยังรออยู่ทั้งประเด็นความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจลากยาวเข้าสู่ช่วงกลางปี และตารางเวลาสำหรับเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยบรรยากาศการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของครัวเรือนทุกภาคส่วนนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 59 สะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าตราบใดที่สัญญาณด้านรายได้ของครัวเรือนยังคงไม่กระเตื้องขึ้นอย่างเด่นชัด และ/หรือมีปัจจัยพิเศษมากระตุ้นการตัดสินใจใช้จ่ายแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่การบริโภคจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้าของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเปราะบางให้กับเศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่แล้วก็อาจมีส่วนกระตุ้นความกังวลลงไปในระดับภาคครัวเรือน ผ่านสถานการณ์ด้านรายได้และการมีงานทำ ที่ในหลายๆ ภาคส่วนก็จะมีความผันแปรไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งจากการติดตามเครื่องชี้ด้านแรงงานตั้งแต่ต้นปี 59 พบว่า จำนวนผู้มีงานทำในภาคเกษตรและภาคการผลิต (มีสัดส่วนรวมกันราว 47% ของผู้มีงานทำทั้งหมด) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงเดียวกันในปี 58 (แม้ว่าจำนวนผู้มีงานทำในภาพรวมจะมีค่าเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าในปีก่อนหน้าก็ตาม) ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า ประเด็นเรื่องรายได้ฟื้นตัวช้าจะยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยกดดันบรรยากาศการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ดัชนีมุมมองเรื่องค่าตอบแทนจากการทำงานในเดือน มี.ค.59 ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 46.9 จาก 47.1 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีมุมมองต่อภาระในการชำระหนี้ดิ่งลงแตะระดับ 42.5 ในเดือน มี.ค.59 จากระดับ 44.1 ในเดือน ก.พ.59 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สอดคล้องกับสถิติหนี้ครัวเรือนในภาพรวม ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ระดับหนี้ครัวเรือนอาจทรงตัว-มีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่กรอบ 81.5-82.0% ต่อจีดีพีในช่วงสิ้นไตรมาส 1/59 จากระดับ 81.5% ต่อจีดีพีในช่วงปลายปี 58
สำหรับช่วง 3 เดือนข้างหน้า ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อประเด็นค่าครองชีพ ซึ่งอาจสะท้อนว่า บรรยากาศการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคอาจเผชิญกรอบการฟื้นตัวที่จำกัดต่อเนื่องไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยดัชนีที่สะท้อนมุมมองของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (3-month expected KR-ECI) ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ 45.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 45.7 ในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี ดัชนีองค์ประกอบที่สะท้อนมุมมองต่อรายได้และเงินออมในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นมาที่ 49.1 และ 48.9 จากระดับ 48.6 และ 48.7 ในเดือนก่อนหน้าตามลำดับ ซึ่งอาจเป็นนัยว่า ครัวเรือนยังมีความคาดหวังว่า สถานการณ์รายได้น่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่น่าจะทยอยได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลเร่งรัดผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการจัดทำงบกลางปี และโครงการลงทุนของรัฐบาลที่น่าจะช่วยกระตุ้นการจ้างงานได้เพิ่มมากขึ้น