นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า พล.ร.อ.อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และคณะผู้แทนภาคเอกชนไทย ที่ประกอบด้วยผู้ประกอบการเรือ และผู้ประกอบการท่าเรือแหลมฉบัง เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบนโยบายการสนับสนุนการลงทุนท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3
ในวันนี้ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอขอลงทุนท่าเรือแหลมฉลังเฟส 3 เองทั้งหมด จากเดิมที่รัฐจะลงทุน 3.7 หมื่นล้านบาท เอกชนลงทุน 4.6 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท แต่มีเงื่อนไขขออายุสัมปทาน 60 ปี และให้สิทธิเอกชนไทยเข้าลงทุน ซึ่งรองนายกรัฐมตรีขอให้ทำเรื่องเสนอเข้ามาอีกครั้ง
รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งรัดการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโครงการรดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังจากนั้นจะมีการเสนอเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ที่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่จะสามารถนำเสนอต่อคณะกรรมการ PPP ได้
ทั้งนี้ หากมอบให้เอกชนดำเนินการ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ปลายปี 60 และใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี โดยจะเปิดให้บริการในปี 65
รมว.คมนาคม กล่าวว่า โครงการนี้หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณการขนถ่ายสินค้าเพิ่มเป็น 6-7 ล้านทีอียู จากเดิมรองรับ 3 ล้านทีอียู ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นสถานที่ขนส่งรถยนต์มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันรองรับการขนส่งรถยนต์ได้ 9 แสนคัน ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังเป็นจุดส่งออกรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
นายอาคม กล่าวว่า นายสมคิด ยังให้นโยบายในที่ประชุมว่าอยากให้มีการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศด้วย เพื่อเพิ่มศักยภาพท่าเรือแหลมฉบัง
อนึ่ง คณะผู้แทนภาคเอกชนไทยที่เข้าพบวันนี้ ได้แก่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเม้นต์ (ITD) บริษัท สหไทย จำกัด เป็นต้น