นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการทำงานของอนุกรรมการที่กำกับดูแลการแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศรวมในทุกๆ ด้าน ซึ่งจากผลการทำงานแต่ละชุด คาดหวังว่าการอันดับจากการสำรวจของสถาบันจัดอันดับ IMD (International Institute for Management Development : IMD) และ WEF (World Economic Forum : WEF) จะมีอันดับดีขึ้น
"คงไม่สามารถระบุได้ว่าจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด และเชื่อว่าจากการทำงานของรัฐบาลที่ร่วมมือกับภาคเอกชน จะมีส่วนช่วยให้ขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นแน่นอน" เลขาธิการ สศช.ระบุ
ทั้งนี้ อนุกรรมการแต่ละด้านได้มีการรายงานความคืบหน้าในการทำงาน โดยอนุกรรมการด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค รายงานว่า ในภาพรวมมีความก้าวหน้าดีขึ้น สะท้อนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ปีที่แล้วเติบโตได้ 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงที่รัฐบาลเข้ามาที่เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 0.9 % เท่านั้น และน่าจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับที่ดีขึ้น
สำหรับตัวชี้วัดอื่นๆ รัฐบาลได้ทำงานผ่านกลไกต่างๆ ทั้งการเร่งรัดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม การอนุมัติการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน การปรับปรุงกฏระเบียบการเงินการคลัง รวมถึงการปรับปรุงและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ และปรับปรุงข้อมูลด้านเศรษฐกิจให้มีความทันสมัยเพื่อประโยชน์ต่อนักธุรกิจ
ด้านอนุกรรมการการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ได้ให้ความสำคัญในการปรับปรุงระบบการศึกษาตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา และการศึกษาด้านอาชีวะ และเดินหน้าการศึกษาผ่านการสานพลังประชารัฐ มีการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน โดยมีความคืบหน้าและมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังมากขึ้น
ด้านอนุกรรมการการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ มีการรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ได้มีการปรับปรุงการปฏิบัติงานทางราชการประจำปี 2559 ใน 14 กระทรวงให้มีตัวชี้วัดสะท้อนถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น กระทรวงยุติธรรม ตัวชี้วัดคือภาพลักษณ์ในเรื่องการปราบปรามการคอร์รัปชั่น เป็นต้น พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้มีการปรับปรุงกฏหมายและกฏระเบียบไปแล้วกว่า 200 ฉบับด้วย
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลข่าวสารและสื่อสารประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า อนุกรรมการได้มีการสื่อสารทำความเข้าใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้มีการรวบรวมความคืบหน้าการทำงานแต่ละด้าน จัดทำเป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ไปยังหน่วยงานราชการและภาคเอกชนและใช้อ้างอิงในการจัดอันดับ
สำหรับการจัดการข้อมูล มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดระบบข้อมูล ซึ่งได้เชิญผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธาน เพื่อร่วมกับหน่วยงานที่จัดทำข้อมูลสถิติที่ใช้อ้างอิงในการจัดอันดับ ซึ่งได้ปรับฐานข้อมูลให้เป็นข้อมูลปัจจุบันและมีความถูกต้อง เช่น การปรับปรุงข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ มีการสื่อสารข้อมูลกับสาธารณชนให้ทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาขีดความสารถในการแข่งขันของประเทศผ่านเว็บไซต์ของ สศช. และ Facebook Fan Page "Thailand Competitiveness" พร้อมทั้งเตรียมจัดงาน Thailand Competitiveness ในวันที่ 14-15 ก.ค.นี้ โดยจะมีตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกว่า 500 คน ซึ่งภายในงานจะมีการแลกเปลี่ยนความคืบหน้าด้านนวัตกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และได้จัดตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ช่วยงานของอนุกรรมการโดยเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นประธาน