"สมคิด" เผยตัวเลขส่งออกมี.ค.มีแนวโน้มฟื้นบวกต่อเนื่องและมีทิศทางขยายตัวดีขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 21, 2016 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ระบุว่า ตัวเลขส่งออกในเดือนมี.ค.มีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นบวกต่อนื่อง และมีทิศทางขยายตัวดีขึ้น ส่วนรายละเอียดรอกระทรวงพาณิชย์ที่จะมีการแถลงตัวเลขส่งออกในวันที่ 25 เม.ย.นี้

อนึ่ง ตัวเลขส่งออกของไทยเดือนก.พ.ที่ผ่านมากระพลิกกลับมาเป็นบวก 10.27% หลังจากที่ติดลบต่อเนื่องมา 13 เดือน

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน สะท้อนจากยอดการขายปูนซีเมนต์ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ แต่คงยังยืนยันว่าไม่ได้ว่าเศรษฐกิจของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหรือไม่ แต่พยายามชี้แจงให้เข้าใจว่ามีแนวโน้มที่น่ามั่นใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเร่งลงทุน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ที่จะออกมา ซึ่งจะสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้

“ทิศทางเศรษฐกิจหลายอย่างเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นต่าง ๆ ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่จะออกมาในช่วงกลางปีนี้ ก็หวังว่าเศรษฐกิจประเทศจะค่อย ๆ ขยับตัวได้ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งผมเองก็มั่นใจตรงนี้ ขออย่างเดียวคือให้การเมืองดี ส่วนพื้นฐานเศรษฐกิจไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แน่นอน” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวถึงการประชุม Innovation และ Startup ที่กระทรวงการคลังในวันนี้ว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงการบริหารเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยอยากจะเน้นการพึ่งพาการเติบโตจากภายในประเทศมากกว่า ไม่อยากให้พึ่งพานอกประเทศมากจนเกินไป ซึ่งขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียเห็นได้ชัดว่ายังพึ่งพาเศรษฐกิจจีนอยู่มาก อย่างไรก็ตามเมื่อเศรษฐกิจจีนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น หลายประเทศในเอเชียก็ดีขึ้นเช่นกัน และเรื่องของจีนก็ยังเป็นอีกประเด็นที่จะช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ด้วย

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ รมว.การคลัง และปลัดกระทรวงการคลัง เร่งสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดการลงทุนในกลุ่มใหม่ ๆ ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล โดยให้มีการกำหนดวิธีการเพื่อเสนอให้ฝ่ายนโยบายพิจารณา รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นแกนหลักในการประสานภาคเอกชน ภาคราชการ มหาวิทยาลัย และสถาบันการเงินเข้ามาช่วยเหลือเพื่อรองรับการเติบโตของ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ 1. กลุ่มเกษตร อาหาร และไบโอ 2. กลุ่มสุขภาพ สปา เมดิคอล 3. กลุ่มไฮเทคโนโลยี 4. กลุ่มดิจิตอล และ 5. กลุ่มวัฒนธรรม และครีเอทีฟ

ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามสร้างอุตสาหกรรมในอนาคตเป็น 2 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ กลุ่มนวัตกรรม และกลุ่ม Statup เพื่อพื้นฐานในการสร้างการเติบโตให้กับประเทศในระยะยาว โดยเป็นการประสานความร่วมมือจากลหายฝ่ายเพื่อสนับสนุนการเติบโต และเป็นพลังใหม่ที่จะช่วยทำให้เกิดการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ