นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุกรณีมีข่าวเกี่ยวกับนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อกของรัฐบาลจีนไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกมันสำปะหลังของไทยที่มีความกังวลว่าจะดดันให้ราคามันสำปะหลังตกต่ำลง เนื่องจากข้าวโพดเป็นธัญพืชที่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนมันสำปะหลังในการผลิตแอลกอฮอล์
"ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่านโยบายข้าวโพดของจีนปี 2559/2560 จะเป็นอย่างไร ซึ่งนโยบายดังกล่าวไม่น่าเป็นที่กังวลมากนัก เนื่องจากจีนเพาะปลูกข้าวโพดมากทางตอนเหนือของประเทศ ขณะที่โรงงานแอลกอฮอล์ซึ่งนำเข้ามันเส้นจำนวนมากไปเป็นวัตถุดิบตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งมีระยะทางที่ห่างไกลกันมาก อีกทั้งนโยบายอุดหนุนเกษตรกรให้ลดพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดของรัฐบาลจีนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดและธัญพืชทดแทนข้าวโพด เช่น ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์มากกว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อราคามันสำปะหลังที่นำเข้าจากไทย" นางดวงพร กล่าว
ทั้งนี้ National Development and Reform Commission (NDRC) ได้ประกาศแนวทางการปฏิรูปนโยบายบริหารจัดการธัญพืชครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ตามแนวคิด supply-side reform กล่าวคือ ยกเลิกนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อก หันมาทำการอุดหนุนเกษตรกรให้ลดพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทน ในขณะเดียวกันจะส่งเสริมให้ผู้ซื้อรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรโดยตรงในราคาตลาด ซึ่งการยกเลิกนโยบายรับซื้อและระบายข้าวโพดในสต็อกดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราคาข้าวโพดภายในประเทศเป็นไปตามกลไกตลาด รวมทั้งลดความแตกต่างของราคาข้าวโพดภายในประเทศและข้าวโพดที่นำเข้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีข้าวโพดคงเหลืออยู่ในสต็อกจึงคาดว่ารัฐบาลจีนจะประกาศรายละเอียดการระบายสต็อกข้าวโพด ในช่วงหลังจากที่เสร็จสิ้นการรับซื้อข้าวโพดในเดือนเมษายน 2559
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จะติดตามมาตรการข้าวโพดของจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของไทย โดยในปี 2558 ไทยส่งออกไปจีน ปริมาณ 7.287 ล้านตันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.57 ของปริมาณที่ส่งออกไปทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 7.5