นายแบงก์ยันมติ ครม.ขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคาร

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 27, 2016 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาติศิริ โสภณพณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ให้ความเห็นต่อกรณีที่ ครม.มีมติขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝาก และทยอยลดวงเงินคุ้มครองลงแบบค่อยเป็นค่อยไปนั้น จะส่งผลในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าที่มีการนำเงินมาฝากแก่ทางธนาคาร

ส่วนในเรื่องผลกระทบต่อทางธนาคารเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ เนื่องจากธนาคารได้เตรียมความพร้อมมากก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่สภาพคล่องของ BBL ก็ยังอยู่ในระดับที่ดี จึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารเมื่อเร็วๆ นี้ ยอมรับว่า ได้รับผลกระทบในส่วนของกำไร แต่ธนาคารจะพยายามหารายได้อื่นๆ เข้ามาชดเชย เช่น รายได้จากค่าธรรมเนียม เป็นต้น ขณะเดียวกันธนาคารจะพยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อประคองกำไรไม่ให้ลดลงมาก ซึ่งการที่ธนาคารลดดอกเบี้ยเป็นเพราะต้องการช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว

ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่ววว่า กรณีขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝากนั้น ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่เงินฝากจะต้องมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และมติที่คณะรัฐมนตรีอนุมัตินั้น ทุกธนาคารไม่ว่าจะเป็นธนาคารขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็ต้องปฎิบัติตาม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงิน แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนกรณีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไปก่อนหน้านี้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกำไรของธนาคารแต่ธนาคารก็จะมีการหารายได้อื่นๆ เข้ามาชดเชยเช่นเดียวกัน ส่วนกระแสข่าวการขายหุ้นบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ออกนั้น ยังไม่สามารถบอกวายละเอียดใดๆ ได้ในขณะนี้

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ รองกรรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีการขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝากตามที่ ครม.อนุมัติ เนื่องจากธนาคารได้เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับการระดมเงินฝากในช่วงนี้ถือว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารเกิดการหดตัวลง

โดยปัจจุบันธนาคารกรุงไทยมีสัดส่วนเงินฝากแบ่งเป็นรายย่อย รายกลาง และรายใหญ่ในสัดส่วนที่เท่ากัน และมีนโยบายรักษา LTD Ratio หรือสัดส่วนเงินให้สินเชื่อกับเงินฝากให้อยู่ในระดับ 90-94% ซึ่งปัจจุบันถือว่ายังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดังกล่าว

สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารนั้น ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อกำไรของทุกธนาคาร รวมถึงกำไรของ KTB แต่จะเริ่มได้รับผลกระทบตั่งแต่ไตรมาส 2/59 และมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาส 1/59 เนื่องจากการลดดอกเบี้ยทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็จะต้องบริหารต้นทุนทางการเงินและสภาพคล่องของตนเอง ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อีกทั้งธนาคารจะต้องหารายได้อื่นๆ เข้ามาชดเชย

น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า การขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝากไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคาร เนื่องจากธนาคารได้เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว อีกทั้งยังมองว่าลูกค้าจะพึงพอใจในการยืดระยะเวลาคุ้มครองออกไป ส่วนของธนาคารเองมองว่าตอนนี้อัตราผลตอบแทนของเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกค้าให้มีการกระจายการลงทุนในผลิตภัณฑ์อื่นนอกเหนือจากเงินฝากมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องของธนาคารในตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ลูกค้ามาขอสินเชื่อลดลง ปัจจุบันอัตราส่วนเงินฝาก LTD ของธนาคารอยู่ที่ 93%

ส่วนการลดดอกเบี้ยเงินกู้นั้น จะมีผลกระทบต่อกำไรของธนาคารอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในไตรมาส 2/59 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็จะหาช่องทางในการสร้างกำไรเข้ามาชดเชย โดยอาจจะเป็นการหารายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น เช่นการชำระค่าบริการ การโอนเงิน และธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต แต่ธนาคารยังคงเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้เติบโต 10% เช่นเดิม นอกจากนี้ธนาคารจะต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ

สำหรับแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ธนาคารยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากต้องดูสภาวะเศรษฐกิจ สภาวะการแข่งขัน และการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ในรอบต่อไป ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว การจะปรับลดคงยังไม่เห็นในเร็วๆ นี้ แต่จะมีการเป็นแนวทางอื่น เช่น การไม่ต่ออายุผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ