นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การปรับปรุงร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ... ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ ซึ่งจะมีการขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝาก ทยอยปรับลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากลงนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากกระแสข่าวการโยกย้ายเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ไปยังธนาคารของรัฐแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา สศค.ได้ติดตามข้อมูลต่างๆ อย่างใกล้ชิด และยังไม่พบการโยกย้ายเงินฝากอย่างมีนัยสำคัญ หรือเป็นผลมาจากการปรับลดการคุ้มครองเงินฝากอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ การปรับลดวงเงินการคุ้มครองเงินฝากนี้ มีความพยายามที่จะดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และได้มีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงให้มีความเป็นสากลมากขึ้น และเพื่อเป็นการให้เวลากับผู้ฝากเงินในการปรับตัว และบริหารจัดการเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"เราพยายามทำเรื่องการคุ้มครองเงินฝากให้เป็นสากลมาขึ้นมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็มีความพยายามและอยากจะเสนอให้มีการพิจารณาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ผ่านมาจนถึงทีมเศรษฐกิจชุดที่ผ่านมาจนมาสำเร็จในปัจจุบัน โดยยืนยันว่าสถานะของสถาบันการเงินของไทยยังแข็งแกร่งอย่างมาก อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ของระบบอยู่ในระดับสูงที่ 17.4% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 8.5% ถือว่าแข็งแรงและไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน" ผู้อำนวยการ สศค.กล่าว