นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมี.ค. 59 กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 1.83% หลังจากติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน โดยค่าดัชนีล่าสุดมาอยู่ที่ 120.23 จาก 118.07 ในเดือน มี.ค. 58
นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.59 อยู่ที่ 72.49 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาส 1/59 ยังมีอัตราการหดตัว 1.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีสัญญาณว่าแนวโน้มเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือน ก.พ.-มี.ค. 59
"MPI เดือนมี.ค.กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 1.83% และคาดว่าไตรมาส 2 อุตสาหกรรมที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมรถยนต์" นายศิริรุจ กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ MPI เดือน มี.ค.2559 เป็นบวก ได้แก่ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ มีการผลิตเพิ่มขึ้น 12.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าเครื่องยนต์ดีเซล มีปัจจัยหลักจากความนิยมของตลาดในประเทศสำหรับรถปิกอัพรุ่นใหม่ รวมถึงตลาดต่างประเทศ มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และยุโรป รถยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้น 5.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าประเภทรถปิกอัพ เนื่องจากมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
เครื่องสำอาง มีการผลิตเพิ่มขึ้น 41.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าแป้งฝุ่น ผงซักฟอก และยาสระผม เนื่องจากสภาพอากาศในปีนี้ร้อนกว่าปีก่อนส่งผลให้ความต้องการแป้งฝุ่น (เย็น)เพิ่มขึ้น
เครื่องประดับ มีการผลิตเพิ่มขึ้น 40.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าประเภทต่างหู สร้อย แหวน จี้ และกำไร เนื่องจากผู้ประกอบการเน้นความโดดเด่นของดีไซน์และรูปแบบการใช้สอยจึงได้รับความนิยมมากขึ้น
เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน มีการผลิตเพิ่มขึ้น 12.48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าประเภทคอนเดนซิ่งยูนิต และแฟนคอยล์ยูนิต เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากขึ้นทำให้เครื่องปรับอากาศมีความต้องการมากขึ้น
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสำคัญที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 1/2559 และคาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/2559 ได้แก่
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในไตรมาส 1/2559 การผลิตในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.51 ซึ่งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง 4.77% กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เช่น Semiconductor HDD ลดลง 18.21% และ 18.43% ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การผลิต Other IC เพิ่มขึ้น 0.75%
ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ ในไตรมาส 1/2559 แม้การผลิตจะชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว โดยไตรมาส 2/2559 คาดการณ์ว่า จะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 490,000 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.30% โดยเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 260,000 คัน เพิ่มขึ้น 51.76% และเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 230,000 คัน ลดลง 7.20%
นายศิริรุจ กล่าวว่า คาดว่าในไตรมาส 2/2559 อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการผลิตเพิ่มขึ้น 1% โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งมีสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัว คือ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น จากการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะลดลง 2% จากความต้องการ HDD ลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ขณะที่ IC คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจาก IC ยังคงเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการยกระดับของการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นซึ่งมีการออกรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ไตรมาส 1/2559 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีทิศทางเดียวกับเดือนมีนาคม 2559 โดยการผลิตผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอเพิ่มขึ้น 1.81% ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศประกอบกับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ในกลุ่มผ้าผืนและเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลง 8.67% และ 12.74% ตามลำดับ หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไตรมาส 2/2559 คาดว่า จะขยายตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มเส้นใยสังเคราะห์และเสื้อผ้าสำเร็จรูป
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวลดลงในไตรมาสแรก แต่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2559 ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ในไตรมาส 1/2559 การผลิตในภาพรวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.8% จากสินค้ากลุ่มประมง สำหรับสินค้าผักและผลไม้ (สับปะรดกระป๋องและน้ำผลไม้กระป๋อง) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของกลุ่มประเทศอาเซียนและสหรัฐอเมริกา
"ในไตรมาส 2/2559 การผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.3% และ 0.5% ตามลำดับ เนื่องจากสินค้ากลุ่มปศุสัตว์ (เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น และไก่แปรรูป) ได้รับปัจจัยบวก จากประเทศคู่แข่งอย่างบราซิลและจีนจะลดการผลิตลง ประกอบกับประเทศคู่แข่งหลายประเทศยังคงประสบปัญหาไข้หวัดนก จึงเป็นโอกาสดีของประเทศไทย"ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าว
นายศิริรุจ กล่าวว่า ส่วนในเดือนเม.ย.59 เนื่องจากมีวันหยุดมาก กำลังผลิตน่าจะลดลงบ้าง แต่ยังหวังว่าดัชนี MPI และ อัตราการใช้กำลังผลิตจะเป็นบวก
"ปกติเดือนเมษายนดัชนี MPI และ CAPU จะต่ำกว่าทุกๆเดือน แต่ไม่ฟันธง MPI และCAPU จะเป็นอย่างไร แต่ยังหวังจะเป็นบวก...แต่การผลิตเพื่อการบริโภคน่าจะทรงตัว"
ส่วนเป้าดัชนี MPI ทั้งปี 59 ยังมองที่ 2-3%, GDP ภาคอุตสาหกรรม ที่ 1.5-2.5%
"เป็นผลจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนโยบายส่งเสริมการลงทุนและโครงการสตาร์ท อัพ ต่างๆเป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น"