นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ประกาศสถานะคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้า มาตรา 301 พิเศษว่า ในปีนี้ ยูเอสทีอาร์ ยังคงอันดับของไทยในกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ต่อเนื่องอีก 1 ปีนับจากปี 2550 ซึ่งไทยรู้ตัวมาโดยตลอด เพราะสหรัฐฯ อ้างว่า ยังเห็นสินค้าละเมิดวางขายในไทยอยู่ โดยเฉพาะในตลาด Notorious Markets 13 แห่งที่วางสินค้าละเมิดจำนวนมาก อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงสหรัฐฯจะไม่ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่ให้กับสินค้าไทยอย่างแน่นอน
"ตั้งแต่ไทยอยู่ในกลุ่ม PWL ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แก้ปัญหาโดยตลอด ทั้งการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันป้องกัน และปราบปรามการละเมิดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จนขณะนี้สินค้าละเมิดลดลงไปมากแล้ว นอกจากนี้ยังได้ปราบปรามสินค้าปลอมที่เป็นอาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค สบู่ แชมพู ฯลฯ ด้วย เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และชีวิตของผู้บริโภค ต่อจากนี้ ไทยยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาต่อเนื่อง ไม่หยุดแน่" นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เพียงเพื่อต้องการให้ไทยหลุดจาก PWL เท่านั้น แต่ยังทำเพื่อปกป้องและคุ้มคอรงทรัพย์สินทางปัญญาของไทยไม่ให้ถูกต่างประเทศละเมิด และไม่ให้คนไทยละเมิดสิทธิกันเอง ที่สำคัญยังเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปประเทศไทยไปสู่โมเดล 4.0 หรือประเทศที่จะใช้นวัตกรรม และดิจิตอลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
รายงานข่า; แจ้งว่า ในปีนี้ USTR ได้คงสถานะไทยในกลุ่ม PWL ต่ออีก 1 ปี ร่วมกับจีน อินโดนีเซีย อินเดีย อัลจีเรีย คูเวต รัสเซีย ยูเครน อาร์เจนตินา ชิลี และเวเนซูเอลา โดยระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของไทยยังไม่เข้มงวด และยังแทบไม่มีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันสหรัฐฯยังกังวลถึงการขาดแคลนบุคลากรของกรมทรัพย์สินทางปัญญา จนทำให้การพิจารณาคำขอจดทะเบียนล่าช้ามาก และยังต้องการให้ไทยมีระบบปกป้องการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงการปกปิดผลการทดสอบยา และผลิตภัณฑ์ทางเคมีที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตรด้วย