พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากข้อเสนอแนะไปยังพี่น้องประชาชนว่า ประเทศไทยและคนไทยต้องปรับแนวคิดเพื่อรองรับการค้าขายรูปแบบใหม่ในโลก คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการค้าขาย ในการจัดระบบกระจายสินค้าและการพัฒนารูปแบบสินค้าให้ มีทั้งประโยชน์ใช้งานและความสวยงามจูงใจให้ซื้อ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
"ยกตัวอย่างการปลูกข้าว หากยังคงปลูกข้าวคุณภาพไม่สูง ก็จะไม่ได้ราคาดี และต้องคอยรับโครงการความช่วยเหลือจากภาครัฐไปตลอด แต่หากปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกข้าวพันธุ์ดี ข้าวปลอดสารตกค้าง ก็จะสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง หากเพิ่มการพัฒนาหีบห่อบรรจุภัณฑ์ การทำการตลาด และใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ ก็สามารถส่งออกไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อและต้องการสินค้าคุณภาพสูงได้" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า บางท่านอาจคิดว่าช่วงเวลาเศรษฐกิจตกต่ำ ทำอะไรก็คงยากลำบาก แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจะพบว่า แม้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ แต่ผู้ประกอบการจำนวนมากยังคงมีกำไรมหาศาล และมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการค้าเปลี่ยนรูปแบบไป อาทิ จากที่เคยเดินเลือกซื้อของในห้างร้าน บางคนก็เปลี่ยนเป็นการเลือกซื้อผ่าน onlines แทน กล่าวโดยรวมคือ ผู้บริโภคไม่ได้หายไปไหน แต่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย อยู่ที่ใครจะสามารถสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของตัวเองได้มากและสะดวกรวดเร็ว
"ท่านนายกฯ ฝากย้ำว่า ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าและไม่ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก คนไทยต้องช่วยกันยกระดับจากการเป็นผู้บริโภค ผู้ซื้อสินค้าเพียงสถานะเดียว ไปสู่การเป็นผู้ผลิตด้วยการสร้าง การคิด การประดิษฐ์นวัตกรรมเพื่อแข่งขันกับนานาชาติได้ เชื่อว่าโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจยังมีอีกมาก" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
โดยยกตัวอย่าง ผู้นำชุมชนแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ที่ใช้ความคิดและความรู้เปลี่ยนแปลงชุมชนจนเจริญก้าวหน้า โดยโครงการหนึ่งที่ทำคือ ให้พี่น้องประชาชนรวบรวมกะลามะพร้าวที่ทิ้งแล้ว ปล่อยไว้ฝนตกลงมาน้ำก็ขังกลายเป็นที่เพาะพันธุ์ยุงลาย ก็รับซื้อทั้งหมดเอามาทำถ่านอัดแท่งขายให้ร้านปิ้งย่าง เพราะเป็นถ่านคุณภาพดี คนในชุมชนก็มีความสุข มีรายได้ ดูแลตนเองและครอบครัว ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่ามีตัวอย่างดีๆ เช่นนี้อีกมากในประเทศไทย หากร่วมมือกันเชื่อมต่อกัน ประเทศจะก้าวหน้าอีกมาก