พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบ E-Bidding และ E-Market จากกระทรวงการคลังว่า ได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 แทนการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2535 ซึ่งการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบ E-Market ช่วยประหยัดงบประมาณได้ 50.62 ล้านบาท
ส่วนการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบ E-Bidding ที่นำมาใช้แทน E-Auction ที่คาดว่าจะช่วยป้องกันการฮั้วราคากันได้นั้น สามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 28,734 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบ Price Performance ที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการเสนอราคาต่ำเพียงอย่างเดียว แต่จะพิจารณาถึงประสิทธิภาพ สามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 690 ล้านบาท
"ตั้งแต่เราเปลี่ยนมาใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบอิเล็คทรอนิกส์สามารถช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้เกือบ 3 หมื่นล้านบาท" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดูแลเรื่องความโปร่งใส เพื่อทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นต่อหน่วยงาน และปัญหาทุจริตจะลดน้อยลงจนกว่าร่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดหา จะออกมาบังคับใช้ ซึ่งขณะนี้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว กำลังจะส่งกลับมาให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง