ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.27/29 อ่อนค่าหลังกนง.มีมติคงดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบพรุ่งนี้ 35.20-35.35

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 11, 2016 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 35.27/29 บาท/ดอลลาร์ ขยับอ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิด ตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.20/22 บาท/ดอลลาร์

"หลังผล กนง.ออกมาเงินบาทอ่อนค่ามาเล็กน้อยแม้ว่า กนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ 1.5% แต่ก็เปิด Room ว่ายังมีโอกาส ที่จะลดดอกเบี้ยได้ รวมทั้งเครื่องมือเชิงนโยบายที่พร้อมจะนำมาใช้เพิ่มเติมหากมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลังจากนี้ไป"นักบริหาร เงิน กล่าว

ทั้งนี้ ได้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 35.20-35.35 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.65 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 108.75 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1392 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1385 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,382.41 จุด ลดลง 7.72 จุด, -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 47,641.34 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,011.54 ลบ.(SET+MAI)
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 11 พ.ค.59 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่
1.50% ต่อปี โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้ง
ก่อน แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ
  • นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (11 พ.ค.59)
เวลา 14.12 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) อยู่ที่ 29,600.8 เมกะวัตต์ ทำลายตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้เป็นครั้งที่
7 เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่อุณหภูมิ 36.4 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงขึ้นจาก Peak ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 ที่
29,403.7 เมกะวัตต์
  • ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ร่วมกับ ไทย เพย์เมนต์ เน็ตเวิร์ก (TPN) และ ไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay) เปิด
ตัว ‘บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น ยูเนี่ยนเพย์ (Be 1st Smart TPN UnionPay)’ บัตรเดบิตเทคโนโลยีชิพอัจฉริยะบัตรแรกของ
ไทย
  • นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุน
ในตลาดหุ้นไทยมี sentiment ที่ดีขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่พลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ประกอบ
กับ มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ คาดว่าจะช่วย
สนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้ปรับตัวดีขึ้นได้
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเม็ดเงิน 8 หมื่นล้านหยวน (1.23 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบ
ธนาคาร ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อ
หลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต โดยมีอัตราผลตอบแทน 2.25% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับที่ได้อัดฉีด
เงิน 7 หมื่นล้านหยวนเมื่อวานนี้
  • สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น ปรับตัวขึ้นใน
เดือนมี.ค. โดย ดัชนีพ้องเศรษฐกิจ (index of coincident indicators) อาทิ ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการ
จ้างงานใหม่ เพิ่มขึ้น 0.5 จุด จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 111.2 เมื่อเทียบกับระดับฐาน 100 ในปี 2553

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้คงการประเมินพื้นฐานเกี่ยวกับดัชนีพ้องเศรษฐกิจ โดยระบุว่าดัชนีดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเข้า สู่ "ภาวะชงักงัน"

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนมี.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% หลังจากที่
ร่วงลง 0.9% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผลผลิตเดือนมี.ค.ร่วงลงถึง 1.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลด
ลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2556 หรือในรอบเกือบ 3 ปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ