นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า GDP ไตรมาส 1/2559 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศล่าสุดขยายตัวได้ 3.2% นั้นมีความหมายมาก ถือเป็นข่าวดี และเป็นจุดพลิกผันสำคัญด้านความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยว่าขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มพลิกฟื้นแล้ว และแนวโน้มตลอดปีนี้น่าจะฟื้นตัวโดยลำดับ เนื่องจากจะมีเม็ดเงินลงทุนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะเริ่มออกมา การท่องเที่ยวที่ขยายตัวแรง และแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศที่ขยายตัว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามการส่งออกอย่างใกล้ชิด เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ การที่ GDP ไตรมาส 1 ขยายตัวที่ 3.2% เป็นอัตราเติบโตสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีแรงส่งทึ่สำคัญ คือการใช้จ่ายของรัฐ โดยเฉพาะโครงการประชารัฐที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากที่เริ่มถึงมือประชาชน และการลงทุนภาครัฐต่างๆ การท่องเที่ยวที่ขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้รายได้ภาคเกษตรยังไม่ดีนักเพราะราคาตกต่ำ แต่ก็มีรายได้เสริมจากโครงการของรัฐที่ลงสู่ชนบทฐานราก
"แนวโน้มดังกล่าวแม้จะน่าพอใจ เพราะเราเริ่มฟื้นตัวอันเป็นผลจากการวางแผนการใช้จ่ายและการลงทุนล่วงหน้า ในขณะที่ประเทศอื่นส่วนใหญ่เศรษฐกิจปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกว่า คือการปฏิรูปที่จะต้องมีความต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตนั้นมีความยั่งยืน" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว