นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนิน "โครงการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาว" ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อต้องการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการโรงสีของประเทศไทยให้มีการบริหารจัดการทั้งด้านกระบวนการผลิต การดูแลและเก็บสินค้า จนถึงการรับซื้อผลผลิตและจำหน่ายสินค้า อย่างมีประสิทธิภาพและมีระบบมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวของประเทศไทย และพัฒนาศักยภาพการแข่งขันการส่งออกข้าว ในขณะที่ประเทศคู่แข่งในประชาคมอาเซียน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ ก็ได้มีการพัฒนาอย่างเป็นลำดับ
"จุดประสงค์ในเบื้องต้น ต้องการจะพัฒนาให้โรงสีได้มีระบบมาตรฐานการผลิตข้าวสารที่มีความปลอดภัยในการบริโภค ระบบมาตรฐาน GMP (GOOD MANUFACTURING PRACTICE) และ HACCP (HAZARD ANALYSIS CRITICAL CONTROL POINT)" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาวนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาว เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.58 โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาว ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ค.58 เห็นชอบกรอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการดำเนินการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาว โดยนำร่องดำเนินการเป็นมาตรการสมัครใจสำหรับโรงสีเอกชนซึ่งมีกำลังการผลิตเกินกว่า 300 ตัน/วันขึ้นไป และโรงสีของสถาบันเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 40 ตัน/วันขึ้นไป ที่มีระบบการบริหารจัดการตั้งแต่การรับซื้อข้าวเปลือก กระบวนการผลิต การเก็บรักษาสินค้า ตลอดจนการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพครบถ้วนจำนวน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย,ด้านสถานประกอบการ, ด้านกระบวนการผลิต, ด้านความเป็นธรรมในการรับซื้อข้าวเปลือก, ด้านสุขอนามัย และด้านอื่นๆ เช่น การให้ความร่วมมือกับทางราชการ โดยมีคณะทำงานระดับจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง ประกอบด้วยผู้แทนจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด เป็นคณะทำงาน เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกโรงสีที่มีความพร้อมในการติดดาวส่งให้คณะกรรมการการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาวเป็นผู้พิจารณาจัดเกรดให้การติดดาวต่อไป
พร้อมทั้งกำหนดให้สิทธิประโยชน์สำหรับโรงสีติดดาว อาทิ การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ การต่อยอดธุรกิจโรงสี อาทิ การฝึกอบรมให้ความรู้ การศึกษาดูงาน และการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนจะได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการในการดำเนินนโยบายต่างๆ ของทางราชการเป็นลำดับแรก
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ผลจากการดำเนินการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาวดังกล่าว ปรากฏว่ามีโรงสีที่มีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนดจำนวนทั้งสิ้น 98 ราย ใน 35 จังหวัด โดยคณะกรรมการการจัดเกรดโรงสีข้าวโดยการติดดาว ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 มี.ค.59 เห็นชอบให้จัดเกรดโรงสีติดดาวดังกล่าวเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทดาวเงิน ซึ่งเป็นโรงสีที่ผ่านหลักเกณฑ์การจัดเกรดโรงสีติดดาวที่กำหนด และประเภทดาวทอง ซึ่งเป็นโรงสีที่ผ่านหลักเกณฑ์และต้องมีใบรับรองระบบมาตรฐาน GMP และ/หรือ HACCP ด้วย และให้ดำเนินการส่งเสริมพัฒนาการประกอบธุรกิจของโรงสีติดดาว รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ อาทิ การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำระบบมาตรฐาน GMP และ HACCP เพื่อยกระดับจากประเภทดาวเงินเป็นประเภทดาวทอง และจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมให้ความรู้กับโรงสีในเรื่องที่เกี่ยวข้องในการค้าข้าว
โดยในปี 2559 กรมการค้าภายใน ได้มีการดำเนินการนำร่องในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการโรงสีติดดาวเบื้องต้นแล้ว ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้โรงสีติดดาวเข้าร่วมอบรมหลักสูตร "บัญชี ชี้ช่องรวย" ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การจัดอบรมหลักสูตรการเพิ่มศักยภาพขบวนการผลิตของโรงสีติดดาวแบบครบวงจร ได้แก่ หลักสูตรการฝึกอบรมการอบลดความชื้นและการเก็บรักษาข้าวเปลือก และการเพิ่มประสิทธิภาพการสีข้าว จำนวน 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน เป้าหมายผู้รับการอบรมจำนวน 50 คน และหลักสูตรการฝึกอบรมการตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ในการตรวจสอบคุณภาพข้าวสารทางด้านเคมีและด้านกายภาพ ตามมาตรฐานข้าวของกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 5 วัน เป้าหมายผู้รับการอบรมครั้งละ 20 คน
"เมื่อจัดเกรดโรงสีติดดาวเป็น 2 ประเภทตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่ามีโรงสีที่มีใบรับรองระบบมาตรฐาน GMP และ/หรือ HACCP และเข้าหลักเกณฑ์เป็นโรงสีดาวทอง จำนวนทั้งสิ้น 59 ราย สำหรับโรงสีอีก 39 ราย ซึ่งยังไม่มีใบรับรองระบบมาตรฐาน GMP และ/หรือ HACCP จึงเข้าหลักเกณฑ์เป็นโรงสีดาวเงิน" รมว.พาณิชย์ ระบุ