นายสมควร ชูวรรธนะปกรณ์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจสุกร บมจ.เจริญโภคภัณฑือาหาร (CPF) กล่าวว่า ภาคปศุสัตว์ไทยจะอยู่รอดได้จะต้องปรับตัวหลายหลายด้านด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในฟาร์มเพื่อลดปัญหาขาดแคลนแรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงานสูง ส่วนปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และมีราคาสูงนั้น ผู้ประกอบการควรสร้างความร่วมมือการผลิตพืชวัตถุดิบกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือขยายกิจการปศุสัตว์ไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังต้องพึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์และพันธุ์สัตว์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบประเภทกากถั่วเหลืองหรือข้าวโพด ส่วนพันธุ์สัตว์โดยเฉพาะไก่นั้น ประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าพันธุ์ทั้งหมดซึ่งแน่นอนว่าการพึ่งพิงดังกล่าวก็คือต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ของไทย ส่วนสุกรถือว่าบ้านเราพัฒนามาได้ไกลพอควรแล้วจึงไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใด ความสำคัญจะอยู่ที่ตลาดรองรับเพียงพอหรือไม่
จากข้อจำกัดและปัจจัยต่างๆ จะส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการฟาร์มรายย่อยมีจำนวนน้อยลง ซึ่งเกษตรกรรายย่อยก็ยังมีทางออกและสามารถอยู่รอดได้ โดยการรวมตัวเป็นกลุ่มตัวกันในรูปสหกรณ์ หรือ นิติบุคคล เพื่อให้เกิดความร่วมมือและเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้กลายเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการตลาดและเสริมสร้างความสามารถในการลงทุน
นายสมควร กล่าวว่า รัฐบาลควรให้การสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการปล่อยราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกการตลาด วางแผนจัดสรรพื้นที่เพื่อการทำปศุสัตว์และพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้ชัดเจน รวมถึงการให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยในเรื่องการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคระบาดและส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรจัดสรรงบประมาณไว้ช่วยเหลือผู้ผลิตรายย่อย ขณะเดียวกันต้องดำเนินการการเจรจาการค้ากับต่างประเทศแบบเชิงรุก เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้