นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การจัดตั้งศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมงสงขลา ว่า 5 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์ฯดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานผิดกฎหมายเป็นรูปธรรมและยั่งยืน คาดว่าจะสามารถดูแลกลุ่มเป้าหมายแรงงานต่างด้าวในจ.สงขลา และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 25,000 คน โดย บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ให้เงินสนับสนุนปีละ 1 ล้านบาท
ศูนย์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก 5 ประการ คือ 1.การสร้างเครือข่ายอาสาสมัครแรงงานต่างด้าวและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเอื้อต่อการให้บริการ คุ้มครอง ป้องกันผู้เสี่ยงหรือตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ 2.ส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันการค้ามนุษย์ในระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่น 3.เป็นศูนย์การเรียนเด็กต่างด้าว แรงงานต่างด้าว และครอบครัวได้เรียนรู้ อบรม และส่งเสริมอาชีพ 4.เป็นศูนย์ให้การดูแล พยาบาล คัดกรองโรคเบื้องต้นและประกอบศาสนกิจแก่กลุ่มแรงงานประมงต่อเนื่องและครอบครัวของแรงงานต่างด้าว 5.เป็นศูนย์ประสานงานรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของแรงงาน
ทั้งนี้ ระยะเวลาการดำเนินการโครงการ 5 ปี (2558-2563) โดยกรรมการศูนย์ฯจะประเมินผลการดำเนินงานแต่ละโครงการปีต่อปี และมีกลุ่มเป้าหมายหลักในพื้นที่ 5 กลุ่ม ครอบคลุมจำนวนแรงงานและกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย กลุ่มลูกเรือประมงและแรงงานประมงต่อเนื่องจำนวน 3,565 คน กลุ่มแรงงานที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่วงจรการค้ามนุษย์จำนวน 20,000 คน กลุ่มเด็กต่างด้าวอายุ 4-15 ปี จำนวน 50 คน กลุ่มแรงงานสตรีจำนวน 1,200 คน และกลุ่มครอบครัวเด็กต่างด้าวจำนวน 320 คน ผลสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นต้นแบบในการขยายผลการดำเนินงานไปยังท่าเรืออื่นๆ ในประเทศไทย
ศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมงสงขลา ก่อตั้งภายใต้บันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างองค์การสะพานปลา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย, ศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเลสงขลา (บ้านสุขสันต์)และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)
"การจัดตั้งศูนย์สวัสดิภาพแลธรรมาภิบาลแรงงานประมง สอดคล้องกับนโยบายประชารัฐของรัฐบาล เพราะเป็นการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน และสอดคล้องกับนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการปฏิรูปภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปภาคประมงไทยให้เกิดความยั่งยืน และในอนาคตจะมีการขยายผลของโครงการในลักษณะนี้ไปยังท่าเทียบเรืออื่นๆ"ปลัดกระทรวงเกษตรฯกล่าว