นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 49 ที่ประเทศเยอรมัน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้มีโอกาสหารือกับประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะขอกู้เงินจาก ADB เพื่อมาใช้สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการรถไฟ และถนน เป็นต้น ประมาณ 300-500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1-1.7 หมื่นล้านบาท
พร้อมกันนี้ ไทยยังได้ขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจาก ADB ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (e-Payment) ความร่วมมือลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) โดยภาครัฐต้องการให้เอกชนมีส่วนร่วมดำเนินการโดยเฉพาะในด้านคมนาคมขนส่ง
ผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า รมว.คลังของไทย ยังได้หารือกับกับองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JBIC) เกี่ยวกับให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นมาร่วมลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของไทยในรูปแบบ PPP และบทบาทของ JBIC ในการร่วมมือพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย รวมทั้งการหารือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการและขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการกู้เงินสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงในระยะต่อไป
ด้านนางสุณี เอกสมทราเมษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สบน. เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าในหลายเส้นทางของไทยนั้น รัฐบาลพยายามผลักดันให้เป็นการลงทุนแบบ PPP แต่เห็นว่ายังมีหลายส่วนที่ต้องใช้รูปแบบการกู้เงิน ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายโครงการไป
โดยเบื้องต้นในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญาที่ 3 นั้นจะใช้วิธีการกู้เงินจาก JICA ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง จะเป็นโครงการลงทุนแบบ PPP ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จะใช้วิธีการกู้เงิน
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการกู้เงินจากทั้งในและต่างประเทศ เพราะมีองค์กรการเงินต่างประเทศหลายแห่งยื่นข้อเสนอเข้ามาให้พิจารณา ซึ่งหากดูแล้วต้นทุนทางการเงินไม่แตกต่างจากในประเทศ ก็อาจพิจารณากู้ในส่วนนี้ประกอบด้วย" นางสุณี กล่าว