นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค.นี้ กระทรวงฯ จะจัดโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนกัมพูชา-ไทย โดยเชิญนายฮุน มานี บุตรชายสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานสหภาพสมาพันธ์เยาวชนกัมพูชา และเป็นทายาททางการเมืองของสมเด็จฮุนเซน รวมทั้งเชิญ รมว.พาณิชย์ นักการเมืองรายสำคัญ นักธุรกิจผู้กุมเศรษฐกิจของกัมพูชาประมาณ 20 ราย และนักธุรกิจระดับชั้นนำของประเทศอีกเกือบ 80 ราย รวมกว่า 100 ราย เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อพบและหารือร่วมกับภาคเอกชนของไทยตามกลุ่มธุรกิจที่กัมพูชาสนใจ โดยใช้ขบวนรถยนต์หรู Super Car และ Big Bike เป็นไฮไลท์ และจัดเวทีพบปะกระชับไมตรีนำสู่การสร้าง Networking ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว
โดยในวันที่ 26 พ.ค.59 ขบวนรถยนต์หรู Super car และ Big bike บางส่วนจะเคลื่อนจากกัมพูชามายังเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยกระทรวงฯ จะร่วมมือกับเมืองพัทยาจัดกิจกรรมให้นักธุรกิจกัมพูชาได้พบปะสร้างความคุ้นเคยและสร้างเครือข่ายกับนักธุรกิจไทยในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ณ โรงแรมดุสิตธานี เมืองพัทยา
ส่วนวันที่ 27 พ.ค.59 จะจัดให้คณะจากกัมพูชาทดลองประสิทธิภาพการขับขี่ในสนามแข่งรถพีระเซอร์กิต พัทยา และจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ โดยความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และในวันที่ 28 พ.ค.59 กระทรวงฯ จะจัดงานเลี้ยงรับรอง Business Networking Gala Dinner ให้กับนักธุรกิจชั้นนำของกัมพูชาและไทยที่โรงแรมดุสิตธานี โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานร่วมกับ นายปาน สรศักดิ์ รมว.พาณิชย์ของกัมพูชา และในช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ค.59 จะจัดให้มีพิธีส่งขบวนรถ Super car และ Big bike เดินทางกลับกัมพูชา
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ส่วนอีกโครงการเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจชั้นนำของ CLMVT (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) ผ่าน Executive Program จะจัดขึ้นในช่วงระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค.59 โดยเชิญผู้นำทางธุรกิจจากทั้ง 5 ประเทศ เข้าร่วมสัมมนา พบปะสังสรรค์และสร้างความคุ้นเคย พร้อมเสนอความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียน ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมสัมมนาอีก 6 ครั้ง จัดขึ้นในไทยและอีก 4 ประเทศ ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยพิธีเปิดและปิดโครงการจะมีขึ้นในประเทศไทย
ขณะที่นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับโครงการ Executive Program นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะพิจารณาเชิญผู้บริหารระดับผู้นำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน จากประเทศ CLMVT จำนวน 60 รายเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย นักธุรกิจและผู้บริหารบริษัทชั้นนำจาก CLMV ประเทศละ 7 ราย และผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐอีกประเทศละ 3 ราย และในส่วนของประเทศไทยจะเชิญผู้บริหารของบริษัทชั้นนำของไทยจำนวน 14 ราย และผู้บริหาร/หัวหน้าส่วนราชการของไทยอีกจำนวน 6 ราย
"กระทรวงฯคาดว่าการดำเนินโครงการทั้งสองโครงการข้างต้น จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นของกลุ่มประเทศ CLMVT ตลอดจนสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เพื่อก่อให้เกิดการขับเคลื่อนและการเติบโตได้ต่อไป" นางมาลี กล่าว