นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ย่านบางซื่อว่า ทางบขส. จะต้องดำเนินการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตออกจากพื้นที่ปัจจุบันให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2561 เพื่อส่งมอบพื้นที่คืนให้รฟท. ใช้ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ
ส่วนแผนให้ บขส.ซื้อที่ดินใหม่ ประมาณ 80 ไร่ บริเวณรังสิต เพื่อก่อสร้างเป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งใหม่ได้ล้มเลิกไป เนื่องจากออกทีโออาร์ไป 3 ครั้งแล้วแต่ยังซื้อที่ดินไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาการย้ายออกจากพื้นที่ ร.ฟ.ท.จึงทำแผนจัดสรรพื้นที่ให้ บขส.และ ขสมก. ใหม่ ซึ่งคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วานนี้ได้อนุมัติให้ บขส. เช่าพื้นที่จำนวน 16.7 ไร่ บริเวณที่ตั้งอู่จอดรถโดยสารประจำทางของขสมก. ในปัจจุบันเป็นเวลา 15 ปี โดยให้ ขสมก.ย้ายอู่จอดรถไปอยู่บริเวณใต้ทางด่วนใกล้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 7.3 ไร่แทน นอกจากนี้ บขส.จะพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (รังสิต) ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 45 ไร่ เพื่อรองรับการบริการด้วย
ตามแผน ขสมก.จะใช้เวลาก่อสร้างอู่จอดรถใหม่ 360 วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย.59- มิ.ย.60 งบประมาณ 50 ล้านบาท ส่วน บขส.จะต้องทำแผนการย้ายให้สอดคล้องกันกับ ขสมก.
ทางด้าน กรมการขนส่งทางบก ยืนยันว่า พื้นที่สถานีหมอชิต 1 ซึ่งกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแลและมีการแผนพัฒนานั้นมีเงื่อนไขที่กรมขนส่งทางบกขอสงวนสิทธิ์ใช้พื้นที่ประมาณ 112,000 ตารางเมตร ไว้เป็นที่จอดรถ บขส., ขสมก.และรถตู้โดยสาร ซึ่งได้ตั้งนายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะกรรมการบูรณาการ เพื่อจัดการระบบการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีหมอชิต 1 กับสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก