นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มีความสัมพันธ์อันดีกับองค์กรด้านกิจการไฟฟ้าจากทั้ง 6 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ผ่านโครงการซื้อ-ขายพลังงานไฟฟ้า และความร่วมมือด้านเทคนิคและวิชาการต่าง ๆ ซึ่ง ในส่วนของกัมพูชานั้น กฟผ.มีการส่งจ่ายไฟฟ้าไปยังบริเวณปอยเปต รวมทั้ง ยังอยู่ระหว่างการศึกษาด้านเทคนิคในการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (IPP) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงนัม เพื่อส่งไฟฟ้ามายังประเทศไทย
ส่วนในลาวนั้น ปัจจุบันมีการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าระบบของ กฟผ. จากโครงการต่าง ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนเทินหินบุน โรงไฟฟ้าพลังน้ำห้วยเฮาะ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำเทิน 2 โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสา นอกจากนี้ กฟผ. กับการไฟฟ้าลาวยังได้ร่วมกันศึกษาศักยภาพในการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตด้วย
สำหรับกิจการไฟฟ้าในประเทศอื่น ๆ ก็มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดผ่านเวทีการประชุมระดับผู้นำสูงสุดการไฟฟ้าภูมิภาคอาเซียน (HAPUA Council) และกรอบความร่วมมือซื้อขายไฟฟ้าในอนุภูมิภาค (Regional Power Trade Coordination Committee: RPTCC) ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้นำมาสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และประสบการณ์ที่จะทำให้การพัฒนาระบบไฟฟ้าของภูมิภาคมีความมั่นคงเชื่อถือได้ ในราคาที่สมเหตุผล
ขณะที่กฟผ.ได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม Power Utility Summit ครั้งที่ 3 เพื่อเป็นเวทีให้ผู้บริหารกว่า 50 ท่าน จากองค์กรด้านกิจการไฟฟ้าในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาระบบไฟฟ้า ภายใต้หัวข้อ “แนวโน้มและความท้าทายของการผลิตไฟฟ้าและโครงข่ายระบบไฟฟ้าในอนาคต" ระหว่างวันที่ 25-27 พ.ค.59
โดยการประชุมนี้มีองค์กรสมาชิกจาก 6 ประเทศ ประกอบด้วย การไฟฟ้ากัมพูชา (Electricite Du Cambodge: EDC) บริษัทไชน่า เซาท์เทิร์น เพาเวอร์ กริด (China Southern Power Grid Company Limited: CSG) จากประเทศจีน การไฟฟ้าลาว (Electricite Du Laos: EDL) กระทรวงการไฟฟ้าและพลังงานแห่งเมียนมา (Ministry of Electric Power and Energy: MOEE) การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) และ กฟผ. จากประเทศไทย เข้าร่วมหารือบนพื้นฐานของความเท่าเทียม เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันผ่านความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุม องค์กรสมาชิกได้มีถ้อยแถลงร่วมกันว่า สิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาระบบไฟฟ้า คือ การพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับการพัฒนาระบบส่ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) ให้มีศักยภาพในการรองรับพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลักและพลังงานหมุนเวียนในอนาคต นอกจากนี้ องค์กรสมาชิกยังเห็นตรงกันว่า เทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้าต้องมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์