พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ เตรียมเสนอแนวทางการช่วยเหลือในการทำเกษตรแปลงใหญ่เข้า ครม.ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยจะให้เกษตรกรสามารถเข้ามากู้เงินในอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.1% ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีทุนในการทำเกษตร โดยเกษตรกรจะต้องรวมตัวกันเป็นเกษตรแปลงใหญ่และผ่านเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเกษตรแปลงใหญ่ทั้งประเทศจำนวน 500 แปลงใหญ่
ส่วนการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานจะต้องระมัดระวังการปล่อยน้ำจากเขื่อน โดยคำนึงถึงหน้าแล้งครั้งต่อไปด้วย โดยจะมีการควบคุมการปล่อยน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงขอแนะนำให้เกษตรกรใช้น้ำฝนหรือน้ำท่าในการทำเกษตรเป็นหลัก หากพื้นที่ใดมีฝนลงแล้ว ก็ขอให้มีการกักเก็บน้ำฝนเพื่อใช้ในการเกษตร และให้ติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาด้วย
ในวันนี้ รมว.เกษตรฯ ได้เป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นการเปิดฤดูกาลผลิตใหม่ และเป็นแหล่งศึกษาดูงานในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับบริการของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมองค์ความรู้เพื่อวางแผนการผลิต การเข้าถึงปัจจัยการผลิตต่าง ๆ การบริหารจัดการความเสี่ยง และการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยใช้พื้นที่ศูนย์เรียนรู้ฯ 882 ศูนย์ เป็นศูนย์รวมให้บริการแก่เกษตรกรได้เห็นตัวอย่างของจริง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพ ซึ่งแต่ละศูนย์เรียนรู้ฯ จะเริ่มเปิดให้เกษตรกรเข้ามาใช้บริการต่อเนื่องตามการเริ่มต้นการผลิตของแต่ละพื้นที่
สำหรับในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ฯ มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวจากที่เคยลงทุน 5,497 บาทต่อไร่ เหลือ 2,700 บาทต่อไร่ ขณะที่เป้าหมายภาพรวมทั้งประเทศ ต้องการให้ต้นทุนลดลงเหลือ 3,000-3,500 บาทต่อไร่ โดยจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร และต้องคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และความเหมาะสมของพื้นที่เป็นหลัก