นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ระบุว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.59 ที่กลับมาติดลบ 8% นั้น ถือว่าผิดจากที่คาดการณ์ไว้มาก โดยนับเป็นเดือนเม.ย.ที่มูลค่าการส่งออกน้อยที่สุดในรอบ 6 ปี และเป็นการติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ถ้าหักการส่งออกทองคำและอาวุธที่ผิดปกติออก ซึ่งจะทำให้การส่งออกในเดือนก.พ.และมี.ค.จากที่ผ่านมาเป็นบวก จะกลายเป็นติดลบ และการส่งออกช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.59) จาก -1.24% จะกลายเป็น -5.36%
"นี่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว มีความไม่แน่นอนสูง และมีความเสี่ยงว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้" นายนพพร กล่าว
ทั้งนี้ สภาผู้ส่งออกประเมินว่า ถ้าการส่งออกในไตรมาส 2 ยังอยู่ที่ -2 ถึง 0% แต่ไตรมาส 3 และ 4 ก็มีโอกาสจะกลับมาเป็นบวกได้ ซึ่งทำให้ทั้งปีการส่งออกไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ 0-2% และยังเป็นเป้าที่สภาผู้ส่งออกคงไว้จนกว่าจะเห็นผลการส่งออกที่ชัดเจนในไตรมาส 2 จึงจะปรับเป้าหมายใหม่
พร้อมระบุว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่เริ่มดีขึ้นในเดือนมิ.ย. และปัจจัยเสี่ยงกลายเป็นปัจจัยลบที่ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น ปัญหาเศรษฐกิจในจีน, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก สงครามการค้าและค่าเงิน ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณ์ฑ์ การที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ความขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาค การก่อการร้าย ปัญหาผู้ลี้ภัย ภัยธรรมชาติ และโรคระบาด ซึ่งหากสุดท้ายนานาประเทศไม่สามารถปฏิรูปเศรษฐกิจและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง โลกก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในที่สุด และประเทศไทยจะส่งออกติดลบเป็นปีที่ 4