นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าจากผู้ที่มีคุณสมบัติเสนอซื้อถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข (TOR) จำนวน 51 ราย สนใจยื่นซองเสนอซื้อจำนวน 48 ราย ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 31 ราย ใน 118 คลัง ปริมาณ 1.175 ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 98 ของปริมาณที่เปิดประมูล) มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 10,046 ล้านบาทนั้น เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 3/2559 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด 23 ราย จำนวน 79 คลัง ปริมาณ 783,947.71 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 65.77 ของปริมาณข้าวสารที่เปิดประมูล) คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อ 7,013.26 ล้านบาท
โดยราคาที่เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวขาว 5% ประมาณ 11,050-11,500 บาท/ตัน ปลายข้าว A1 เลิศ ประมาณ 7,019-9,200 บาท/ตัน และข้าวท่อนหอมมะลิ ประมาณ 7,500-9,581 บาท/ตัน ซึ่งราคาเสนอซื้อดังกล่าวนี้ผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ (Floor Price) ตามที่คณะทำงานฯ ได้คำนวณตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ นบข.ได้ให้ความเห็นชอบ โดยราคาที่จำหน่ายเป็นราคาที่เหมาะสม เนื่องจากสถานการณ์ตลาดข้าวขณะนี้ทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการใช้ข้าวสารในสต็อกของรัฐเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งที่ส่งผลให้ผลผลิตข้าวไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งราคาจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกชี้นำราคาข้าวในตลาดให้มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะได้เป็นผลดีต่อราคาส่งออกของข้าวไทย รวมทั้งราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับ
สำหรับการระบายข้าวโดยวิธีการเปิดประมูลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติถึงรัฐบาลปัจจุบัน ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557-29 พฤษภาคม 2559 กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการระบายข้าวที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ให้ความเห็นชอบแล้วปริมาณทั้งสิ้น 5,481,679.30 ตัน คิดเป็นมูลค่า 58,278.04 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จำนวน 13 ครั้ง ปริมาณ 5,422,070.93 ตัน คิดเป็นมูลค่า 57,707.62 ล้านบาท และเข้าสู่อุตสาหกรรม จำนวน 3 ครั้ง ปริมาณ 258,787.88 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,670.13 ล้านบาท