นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า หลังจากที่บีโอไอออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในกิจการเกษตรแปรรูป ศูนย์จำหน่ายสินค้า และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น ขณะนี้มีกลุ่มธุรกิจไทยหลายรายแสดงความสนใจ และได้พบปะหารือกับบีโอไอถึงแนวทางและรูปแบบการเข้าไปลงทุนในท้องถิ่น บีโอไอจึงมั่นใจว่าจะมีบริษัทไทยรายใหญ่อย่างน้อย 4-5 ราย ที่จะยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเร็วๆ นี้ และหากยื่นขอรับส่งเสริมก็จะต้องเปิดดำเนินการภายในปี 2560 ตามเงื่อนไข ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชนในหลายพื้นที่ของประเทศ
"ในวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2559 บีโอไอจะจัดงานสัมมนาใหญ่เรื่อง ท้องถิ่นก้าวไกล เศรษฐกิจไทยก้าวหน้า ที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อนำสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการทั้งระดับท้องถิ่นและเอสเอ็มอี ไปจนถึงกิจการขนาดใหญ่ เพราะมาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่นไม่ได้ให้ส่งเสริมเฉพาะรายย่อย แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทขนาดใหญ่ยื่นขอรับส่งเสริมเพื่อเข้าไปลงทุนในท้องถิ่นด้วย เพราะภาครัฐต้องการสนับสนุนกิจการขนาดใหญ่เข้าไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน" เลขาธิการบีโอไอกล่าว
ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่นมุ่งเน้นให้เกิดการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่การเกษตร ได้แก่ การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาทำปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ หรือนำผลไม้ในท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เช่น น้ำมังคุด น้ำสำรอง น้ำสละ หรือแปรรูปเป็นผลไม้อบแห้ง ผลไม้อบแสงอาทิตย์ หรือทำขนมปังกรอบไส้สับปะรด หรือไส้ผลไม้ของแต่ละท้องถิ่น เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ก็จะให้การส่งเสริมแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่เข้าไปสนับสนุนหรือร่วมดำเนินการกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อลงทุนในกิจการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรหรือ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เช่น ผู้ประกอบขนาดใหญ่ลงทุนตั้งโรงงานหรือแหล่งท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับท้องถิ่น เช่น ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ชุมชน หรือให้ชุมชนร่วมถือหุ้น ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปีสำหรับโครงการเดิมของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ แต่หากเป็นกิจการรายย่อยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี