นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การที่ธนาคารทหารไทย (TMB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ลงเหลือ 0% น่าจะเป็นการดำเนินการเพื่อสะท้อนการบริหารสภาพคล่องของธนาคารเอง และคงจะเป็นเหตุการณ์ในระยะสั้นเท่านั้น หลังจากนี้เชื่อว่าธนาคารฯ คงจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินฝากมากขึ้น
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ในระบบ แต่ที่ผ่านมาแม้สภาพคล่องจะล้นกว่านี้ ก็ยังไม่เคยเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้ลงต่ำกว่า 0%
"การลดอัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้ คงเป็นการดำเนินการเฉพาะของธนาคารทหารไทยเอง เพราะเห็นว่ามีต้นทุนเงินฝากที่สูงเกินไป และน่าจะเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว ส่วนในอนาคตเชื่อว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรับเงินฝากเข้ามา เพื่อปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น ส่วนธนาคารของรัฐไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงแน่นอน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
ด้านนายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การที่ TMB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ลงเหลือ 0% นั้น คงได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่าจะส่งผลกระทบกับลูกค้าแค่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นวงเงินฝากในจำนวนไม่มากนัก และถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้ จึงได้ตัดสินใจลดดอกเบี้ยออมทรัพย์ลงเหลือ 0%
ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวเห็นว่า TMB มีผู้ถือหุ้นที่เป็นต่างชาติอยู่ด้วย จึงอาจมีความต้องการที่จะให้บริการของธนาคารเดินหน้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ประกอบกับขณะนี้ประเทศไทยกำลังผลักดันเรื่องระบบ e-Payment จึงนับว่าเป็นเรื่องที่สอดคล้องกัน
"ส่วนตัวเชื่อว่าธนาคารคงต้องการที่จะผลักดันให้ลูกค้าไปใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ของธนาคารให้มากขึ้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ เพราะหากทำในส่วนนี้ได้ก็จะช่วยลดต้นทุนของธนาคารไปในตัว และส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะกดดันให้ลูกค้าไปใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพราะจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ระบบ e-Payment ได้มากขึ้น แม้ว่าจะส่งผลกระทบกับรายย่อย แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ลูกค้าต้องปรับตัวให้ทันสมัยและทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป" นายสุวิชญ กล่าว
พร้อมระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลดีต่อการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ให้สามารถจำหน่ายได้เร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้จำหน่ายไปแล้วกว่า 30% หรือคิดเป็นวงเงิน 6 พันล้านบาท