นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งจะควบคุมผู้ปล่อยกู้นอกระบบสามารถปล่อยกู้ได้แต่ต้องคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี และหากเกินอัตราดังกล่าวจะมีความผิดทางแพ่งและอาญาทันที
ส่วนกลุ่มที่ปล่อยกู้นอกระบบ หากต้องการอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่า 15% จะต้องเข้ามาอยู่ในระบบ โดยจดทะเบียนแบบ Pico Finance ซึ่งจะต้องมีเงินทุนเล็กน้อย และสามารถปล่อยสินเชื่อและคิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 36% เท่ากับนาโนไฟแนนซ์ โดยคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)หลังเดือนมิ.ย.นี้
ทั้งนี้จะให้ทางธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิด Business Unit ในการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ โดยสามารถให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีการตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบในทุก ๆ จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อจะได้ทราบว่ามีหนี้อยู่เท่าไหร่ และมีคณะกรรมการอีกชุด คือ คณะกรรมการฟื้นฟูเสริมการเพิ่มรายได้ ดึงภาคเอกชนบริษัทใหญ่ๆมาช่วย เช่น ซีพี เซ็นทรัล หรือ น้ำตาลมิตรผล ในรูปแบบประชารัฐ โดยจะฝึกอาชีพใหม่ๆ เรียนรู้วิธีการหารายได้ เพื่อที่จะมีเงินมาชำระเงินกู้จาก Pico Finance นายสมชัย กล่าวต่อถึงงานที่กระทรวงการคลังจะมีการเร่งดำเนินการภายในปี 59-60 คือ เรื่องของการปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งระบบ ให้เข้ามาเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังโดยจะดำเนินการคล้ายกับการปฏิรูปหน่วยงานประกันให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง เนื่องจากเห็นว่าสหกรณ์ออมทรัพย์นั้น เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่กับสถาบันการเงิน เพราะมีการรับ-ฝากเงินด้วย ส่วนในรายละเอียดนั้นจะต้องมีการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อนว่าจะมีนโยบายอย่างไรบ้าง โดยจะต้องไปคุยกับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อน เนื่องจากเรื่องนี้จะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จะต้องมีการแก้ไขในส่วนของกฎหมาย หรืออาจจำเป็นต้องมีการย้ายหน่วยงานบางหน่วยมาขึ้นตรงที่กระทรวงคลัง
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย ระบุว่า ความเข้มงวดที่จะดูแลคล้ายกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ แต่สิ่งที่ต้องการทำคือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นจากปัจจุบัน