นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนเพื่อกระตุ้น ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า วันนี้มีนักธุรกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ประมาณ 50-60 คน เดินทางมาเข้าพบ เพื่อนำเสนอแผนงานการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้มองว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านสินค้า หรือการท่องเที่ยว และในพื้นที่เองก็มีความพร้อมที่จะลงทุนและพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง แต่ในฐานะรัฐบาลต้องการให้มีนักลงทุนจากส่วนกลางเข้าไปช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่มากขึ้นด้วย
โดยหลังจากนี้ จะนำเรื่องการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปหารือกับธนาคารทั้ง 3 แห่ง คือ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย โดยต้องการให้ธนาคารอิสลามฯ เป็นหลักในการพัฒนาแบบเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ที่ให้ความช่วยเหลือเกษตรกร นอกจากนี้ยังมีแนวคิดให้ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ให้สิทธิประโยชน์กับผู้ที่สนใจเข้าไปลงทุนในพื้นที่เพิ่มเติม นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งหากวงเงินกู้ของนักลงทุนในพื้นที่ติดเพดานก็จะขยายวงเงินในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจที่เข้าพบเป็นกลุ่มที่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งได้นำเสนอให้เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสในการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมถึงการจัดทำเวปไซต์ที่รวบรวมสินค้าในพื้นที่ โดยหลังจากนี้ รัฐบาลจะนำแนวคิดดังกล่าวไปพิจารณาเพื่อส่งเสริมและพัฒนา พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนที่สนใจเข้าไปลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น รวมถึงจะมีการนำสินค้าในพื้นที่ โดยเฉพาะสินค้าฮาลาลขยายไปจำหน่ายยังต่างประเทศให้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวยังมีปัญหาความไม่สงบ แต่กลุ่มนักธุรกิจที่มาในวันนี้ไม่ได้สะท้อนปัญหาในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะแต่ละคนเข้าใจสภาพปัญหา และสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี