น.ส.ศิรินารถ ใจมั่น อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในเวทีอภิปราย World Economic Forum (WEF) on ASEAN ในหัวข้อ "Battling over Asia's Economic Architecture" หรือ “การต่อสู้กันบนสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย” ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ เป็นประเด็นที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งไทยและอาเซียน เนื่องจากเราอยู่ในโลกที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างมากในเกือบทุกมิติ และจะเห็นได้ว่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจพยายามเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทั้งอาเซียนและไทยตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว โดยเฉพาะหลังจากความตกลง TPP ได้ข้อสรุป
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ไทยได้มีการหารือกันถึงผลของความตกลง TPP ที่จะมีต่อไทยโดยเฉพาะในเรื่องความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่ามีผลทั้งในแง่บวกและลบ อย่างไรก็ดี อาเซียนเองก็ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับไทย อีกทั้ง 4 ประเทศสมาชิกอาเซียนก็เป็นสมาชิก TPP ด้วย จึงขึ้นอยู่กับการใช้โอกาสจากการรวมตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าว นอกจากนี้ อาเซียนอยู่ระหว่างการเจรจาความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งเห็นว่าควรจะตั้งเป้าหมายให้มีระดับที่ไม่แตกต่างจาก TPP มากนัก เพื่อให้เป็นความตกลงที่มีความหมายอย่างแท้จริง และเกิดประโยชน์สูงสุดกับอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ
ในขณะที่โลกเห็นบทบาทของจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และ EU ภายใต้บริบทภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยก็ถูกจับตามอง เนื่องจากอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงได้ใช้โอกาสนี้ในการกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตาม roadmap ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดวันลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ ในด้านการพัฒนาประเทศ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อยกระดับประเทศจากประเทศที่พึ่งพาการส่งออก หรือ Export-led economy ไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ หรือ Knowledge-based economy ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านเกษตรไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมของไทยต่อการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าอาเซียนมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ไทยสามารถเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการค้าในระดับภูมิภาคและนอกภูมิภาค โดยการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงที่สำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย-ลาว-ยูนนาน กับไทย-เมียนมา ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังอินเดีย ตลอดจนเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงกับจีนและอินเดียผ่านเส้นทาง One Belt One Road ของจีนอีกด้วย