นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.20/21 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปิดตลาดเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ ระดับ 35.20/24 บาท/ดอลลาร์
"ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาที่ 35.23/24 อ่อนค่ามาเรื่อยตั้งแต่เมื่อวาน...สัปดาห์นี้ไม่มีปัจจัยอะไรต้องติดตามแล้ว แต่ วันนี้จะมี CPI เยอรมนีแต่ก็น่าจะไป Focus อีกที FOMC สัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง 35.10-35.30 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.2675 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (9 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.28229% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (9 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.44151%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 106.40 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1298 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1358 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1220 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์(บล.) สามารถประกอบ
ธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ให้กับลูกค้า หลังจากในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ชั่ว
คราวโดยอนุญาตเป็นรายกรณีให้ บล.นำรายการการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าไทยหรือลูกค้าต่างชาติ ที่ซื้อขายเป็นเงินตราต่าง
ประเทศมาหักกลบลบหนี้(netting) กันก่อนที่ บล.จะซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ในไทยตามยอดสุทธิจากการ
หักกลบ ซึ่งลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและทำให้การดำเนินการคล่องตัวมากขึ้น
- กระทรวงไอซีที ได้เตรียมการปรับปรุงโครงสร้างภายในเพื่อให้สอดรับกับภารกิจของกระทรวงดิจิตอล โดยให้เวลา
ในการดำเนินการปรับโครงสร้างภายในเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่กระทรวงดิจิตอลราว 3 เดือน ซึ่งจะเป็นการทำงานคู่ขนานไปกับการนำ
ส่งร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงทบวง กรม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ราวเดือน ต.ค.2559 หรือเริ่มต้นปีงบประมาณ
2560 ซึ่งการปรับโครงสร้างภายในนั้น จะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทการขับเคลื่อนดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ประกาศใช้ไป
แล้ว
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เตรียมหารือกระทรวงการคลัง แก้ พ.ร.บ.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ หาความเป็นเจ้าของ ตลท.พร้อมทั้งรอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)ตั้งกองทุนไทยแลนด์
ฟิวเจอร์กองหลักก่อน
- กระทรวงการคลังสั่งลุยส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพ เร่งสรุปมาตรการภาษีและแหล่งเงินสนับสนุนธุรกิจ หาแนวทางผ่อน
ปรนดึงผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเข้ามาช่วยทำงาน พร้อมปรับเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอให้รองรับ ร่วมทำงานแบบบูรณาการหวังเห็น
ผลลัพธ์โดยเร็ว
- ธนาคารทหารไทย ร่วมลงนามกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต และ
ธนาคารออมสิน เพื่อให้บริการเครื่องรับบัตรหรืออีดีซีร่วมกัน หรืออีดีซีพูล ตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้ เป็นต้นไป ถือเป็นการรองรับนโยบาย
ของรัฐบาลที่เดินหน้า National e-Payment หรือ อี-เพย์เม้นท์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร
หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดัน
ให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 50.56 ดอลลาร์/
บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 51.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) โดยทองคำปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากการร่วง
ลงของตลาดหุ้นสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX
(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,272.70 ดอลลาร์/ออนซ์
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) หลัง
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในวันนี้ว่า ภาคครัวเรือนชาวอเมริกันมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก ขณะที่
มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของราคาหุ้น เฟดระบุว่า ภาคครัวเรือนของชาวอเมริกันมีมูลค่าสุทธิเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ
88.1 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
ขณะที่มูลค่าบ้านทะยานขึ้น 4.98 แสนล้านดอลลาร์ แต่มูลค่าพอร์ทฟอลิโอของหุ้นและกองทุนรวมหดตัวลง 1.60 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่
ระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย.
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากเพิ่มขึ้น
0.2% ในเดือนมี.ค. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%