ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 เป็น 2.8% จากเดิม 2.5% หลังตัวเลขไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่คาด และภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตดีตลอดทั้งปี
"เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวได้ที่ 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นอัตราที่สูงกว่าที่คาดการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่เติบโตสูง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเติบโตเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และมาตรการเงินโอนให้แก่กองทุนหมู่บ้านเพื่อใช้ในการลงทุน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและแรงสนับสนุนจากภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้สูงในไตรมาสแรกและยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น โดย EIC ปรับประมาณการการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 59 เป็น 15% จากเดิม 9% ขณะที่การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐและมาตรการสนับสนุนทางการเงินในภูมิภาคมีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก EIC คาดว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงภายในประเทศจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์บางส่วนที่ได้หมดอายุลง และงบประมาณด้านการบริโภคและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เหลือน้อยลงหลังจากเร่งใช้จ่ายไปแล้วในช่วงต้นปี นอกจากนี้แรงกดดันด้านกำลังซื้อภาคเอกชนยังเป็นข้อจำกัดที่สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของครัวเรือนมีแนวโน้มซบเซาจากการที่รายได้ของครัวเรือนได้รับผลกระทบจากจำนวนชั่วโมงการทำงานของแรงงานในหลายภาคส่วนที่ลดลง และยังได้รับผลกระทบจากรายได้ภาคเกษตรที่ตกต่ำจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังไม่ฟื้นตัวและจากภัยแล้งที่จะกระทบปริมาณผลผลิต ขณะเดียวกันภาระหนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในระดับสูง EIC เห็นว่าความเสี่ยงด้านกำลังซื้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวได้ยากและมีความอ่อนไหวต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ขณะที่ความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงินโลกมีสูงขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ การกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของญี่ปุ่นและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในส่วนของไทย EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอยู่ที่ระดับ 1.5% และค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าเช่นเดียวกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาคไปอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 59