นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 35.29/31 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ ระดับ 35.16/18 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันค่อนข้างเหวี่ยงแรงจาก Fund Flow จากฝั่ง Importer เข้ามาซื้อดอลลาร์ ทำให้วันนี้เงินบาททดสอบ Low 35.18 และ High 35.30" นักบริหารเงิน กล่าว
ส่วนวันพรุ่งนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.20-35.35 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังรอผลประชุม ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.88 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 106.05 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1215 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,428.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด, +0.44% มูลค่าการซื้อขาย 45,073.94 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 98.40 ลบ.(SET+MAI)
- ธนาคารกสิกรไทย แนะนำให้ผู้ประกอบการที่ทำการค้าขายกับทางยุโรปและอังกฤษควรจะต้องทำประกันความเสี่ยง
จากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากธนาคารประเมินว่าขณะนี้ค่าเงินมีความผันผวนจากปัจจัยการทำประชามติการออกจากเป็นสมาชิก
สหภาพยุโรป (EU) ของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ที่จะมีการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ แต่มองว่าเป็นความเสี่ยง
ระยะสั้น เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการติดต่อค้าขายกับอังกฤษมากเท่ากับจีนและสหรัฐฯ แต่เรื่องดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อค่าเงิน
บาทมากกว่า โดยสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ธนาคารคาดว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ และในช่วงสิ้นไตรมาส 3/59 ค่าเงิน
บาทจะอยู่ที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์ช่วงสิ้นไตรมาส 4/59
- นายกรัฐมนตรี กำชับให้แต่ละกระทรวงไปกำกับดูแลหน่วยงานในกำกับให้ดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตาม
เป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อช่วง 3 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ จะได้ไม่หลุดเป้า และขอให้หัวหน้าส่วนราชการดำเนินการให้เป็นไปตามแผน
- กลุ่มผู้นำในแวดวงการเงินของอังกฤษ เริ่มมีความเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษว่าจะยังคงเป็นสมาชิกของ
สหภาพยุโรป (EU) ต่อไปหรือไม่เป็นสองฝั่ง โดยกลุ่มผู้บริหารด้านการเงินระหว่างประเทศและพนักงานธนาคารข้ามชาติ ซึ่งเติบโต
ขึ้นในยุคที่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรนั้นสนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับ EU ต่อไป ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าซึ่งประสบความสำเร็จก่อนเกิดวิกฤติทางการ
เงินนั้นสนับสนุนให้ออกจาก EU
- กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นประจำเดือน
เมษายน 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลที่ 0.5% จากสถิติเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับทบทวนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระดับพื้นฐานที่
0.3%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนในระยะสั้นยังคงสดใส เนื่องจากการสนับสนุน
ด้านนโยบายจากทางภาครัฐ แต่แนวโน้มระยะกลางเผชิญกับความเสี่ยงสูงขึ้น ท่ามกลางยอดการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ IMF ยังได้แนะให้จีนใช้แผนรับมือกับหนี้สินภาคเอกชนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ รุนแรงตามมา ภายหลังจากที่จีนยังไม่สามารถควบคุมหนี้สินที่ขยายตัวได้
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย.