พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่านมา มีการเพาะปลูกข้าวในปริมาณที่น้อยกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการกระจุกตัวเมื่อเกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงต้องเน้นย้ำให้เกษตรกร โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะเน้นให้ใช้พันธุ์ข้าวที่จะได้ผลผลิตเร็วและใช้ระยะเวลาไม่มาก เกษตรกรจะสามารถวางแผนการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายนายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเข้าไปดูการเรื่องสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวอย่างใกล้ชิด
จากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง จำนวน 481 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิ.ย. 59) มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 8,783 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 17% ปริมาณน้ำไหลลงอ่างรวม 55.49 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบายรวม 70.40 ล้าน ลบ.ม. และสถานการณ์ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 อ่างฯ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ และป่าสักฯ มีปริมาตรน้ำใช้การได้รวม 1,349 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 7% ปริมาณน้ำไหลลงอ่างรวม 16.91 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบายรวม 17.70 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับสถานการณ์การเพาะปลูกข้าว มีผลการปลูกพืชฤดูแล้งปี 2558/59 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.58 – 30 เม.ย.59 ทั้งประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 8.18 ล้านไร่ แบ่งเป็น ในเขตชลประทาน จำนวน 4.09 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน จำนวน 4.09 ล้านไร่ และสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน 22 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 0.60 ล้านไร่ แบ่งเป็น ในเขตชลประทาน จำนวน 2.08 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน จำนวน 1.67 ล้านไร่