นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน ในฐานะนายกสมาคมค้าทองคำ มองว่า หากผลการลงประชามติของอังกฤษในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ สรุปว่าจะแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะส่งผลทำให้ราคาทองคำผันผวน และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าอังกฤษจะไม่ออกจาก EU แต่หากออกจริง ราคาทองคำในตลาดโลกก็คงจะไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากนัก เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับเหมืองทองคำมีกำลังการผลิตกลับสู่ภาวะปกติแล้วจากในปีที่ผ่านมาที่หยุดการผลิตไปชั่วคราว ดังนั้นหากราคาทองคำในตลาดโลกจะขยับขึ้นไปก็คงจะอยู่ในระดับกว่า 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ และภายในสิ้นปีนี้คงจะไม่น่าเกิน 1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือหากเทียบกับค่าเงินบาทในปัจจุบันที่ประมาณ 35.30 บาท/ดอลลาร์แล้ว ราคาทองคำในสิ้นปีนี้คงจะไม่เกินไปกว่าบาทละ 23,000 บาทอย่างแน่นอน
"ราคาทองปีนี้สูงสุดอยู่ที่ 1,310 ดอลลาร์/ออนซ์ ถ้าเทียบกับปีก่อนขึ้นมา 200 ดอลลาร์ ถือว่าขึ้นมาเยอะแล้ว ถามว่าราคาทองจะขึ้นได้มากแค่ไหนในเมื่อเศรษฐกิจโลกยังตกต่ำ ทองคงไม่ขึ้นเยอะ...ถ้าจะขยับมากกว่านี้คงต้องมีเหตุการณ์ที่รุนแรง แต่ก็คงจะแค่ชั่วคราว ถ้าระยะยาวคงไม่ขึ้นเยอะ มองทั้งปีนี้คงไม่เกินไปกว่า 1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,000 บาทกว่าๆ แต่ไม่เกิน 23,000 บาทแน่นอน" นายจิตติ กล่าว
พร้อมระบุว่า ราคาทองคำในปีนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ถือว่าเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จึงส่งผลทำให้นักลงทุนขายออกไปมากแล้ว ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะสั้น เพื่อช่วยชดเชยในส่วนที่เคยขาดทุนไปก่อนหน้านี้