นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นส่วนตัวกรณี Brexit ว่า ขณะนี้ผลโพลล์ในอังกฤษยังมีความก้ำกึ่งกันมาก ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือนี้เป็นช่วงที่ชาวอังกฤษต้องตัดสินใจ และหากผลประชามติออกมาว่าต้องการให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็เชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวจะมีนัยพอสมควร เพราะอังกฤษเป็นประเทศใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่ผลประชามติยังไม่ออกมานั้น ตลาดจะมีความผันผวนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เช่น วานนี้เสียงที่จะให้อยู่ต่อได้นำขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราคาทองคำปรับลดลงไป
"เพราะฉะนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในรอบ 25 ปีก็จะมีนัยต่อตลาดการเงิน ให้จับตาดูค่าเงิน 3 สกุลหลัก คือ เงินปอนด์ เงินยูโร เงินดอลลาร์ ส่วนกับไทย สัดส่วนการค้าของไทยกับอังกฤษมีเพียง 1.8% ในการส่งออก ส่วนการส่งออกไทยกับอียูมีประมาณ 10.5% เพราะฉะนั้นผลกระทบในแง่การส่งออกของไทยไม่มากนัก...หากอังกฤษออกจาก EU ในช่วง 1-2 ปีนี้อังกฤษจะต้องเตรียมการในการ transit ออกไป และเงื่อนไขในการจะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ อย่างไร" นายกอบศักดิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ระยะแรกนั้น ผลกระทบในเชิงการค้ากับเราจะไม่มาก แต่ผลกระทบต่อตลาดการเงินในช่วงแรกๆ น่าจะมีความผันผวน เพราะเห็นตัวอย่างแล้วว่าขนาดผลยังไม่ออกมา อัตราแลกเปลี่ยนยังแข็งค่ากับอ่อนค่าสลับกัน ซึ่งควรเตรียมการเพื่อรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น
"แต่โดยรวมเชื่อว่าไทยจะรับมือกับปัญหานี้ได้ เรามีเงินสำรองเพียงพอ เราอยู่ในฐานะที่ดีมาก และเราก็ไม่ได้ค้าขายกับอังกฤษโดยตรงเยอะขนาดนั้น" นายกอบศักดิ์ ระบุ