พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 วงเงินกว่า 2.733 ล้านล้านบาท ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท
โดยประมาณการเศรษฐกิจในปี 60 จะขยายตัวที่ระดับ 3.7-4.2% จาก 3.0-3.5% ในปีนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น การใช้จ่ายภาคครัวเรือนดีขึ้น เศรษฐกิจมีเสถียรภาพที่ดี และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 60 อยู่ที่ 1.7-2.2% จากระดับ 0.1-0.6% ในปีนี้
"ในปี 60 คาดว่าจะขยายตัว 3.7-4.2% ปรับตัวต่อเนื่องจากปี 59 คาดว่านะ จะต่ำหรือขึ้นเป็นไปตามสถานการณ์ อย่ามองตัวเลขอย่างเดียว ประชาชนก็ไม่กล้าใช้เงิน รอลดภาษีปลายปีถึงจะใช้เงิน...ทั้งนี้ทุกอย่างจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ต่างประเทศเขาก็รอดูผลที่รัฐบาลได้ดำเนินการไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดสรรงบประมาณจัดทำขึ้นให้สอดคล้องกับร่างกรอบยุทศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ทิศทางและกรอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ.2558- 2564) แผนแม่บทระดับชาติ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพในทุกมิติ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้มีความแข็งแกร่งและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจต่างประเทศ มุ่งจัดทำงบประมาณ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานนำไปบูรณาการแก้ปัญหาแต่ละด้านให้สำเร็จ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน รวมทั้งเน้นการจัดทรัพยากรให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์อย่างสมดุลร่วมกัน
"การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังใด ๆ ทั้งสิ้น และจะไม่ยอมให้มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะหากพบการทุจริตก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด"
พร้อมทั้งระบุว่า การบริหารประเทศในระยะยาวจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เพราะประเทศไทยไม่เคยมีการกำหนดมาก่อน แต่บางฝ่ายก็ไม่เห็นด้วย ทั้งที่ยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้เป็นการล็อคฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นการระบุว่ามีอะไรที่ให้ฝ่ายบริหารต้องทำ ส่วนจะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่ดุลยพินิจ เพราะประชาชนเป็นฝ่ายเลือกพวกเขาเข้ามา
"เราต้องมีเป้าหมายที่ต้องให้ฝ่ายบริหารมีความรับผิดชอบ ซึ่งต้องดำเนินการด้วยการให้มีกฎหมายลูก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักการเมืองเขาไม่อยากให้เปลี่ยนแปลง ผมไม่ได้ไปว่าเขาจะทุจริตแต่อย่างใด ผมไม่ใช่ศัตรูใครทั้งสิ้น ผมทำแค่กฎหมายเอาเขามาสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าเรายอมรับร่วมกันและเกิดเอกภาพ ประเทศไทยก็ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ต้องปฏิรูปปรับเปลี่ยนอย่างเป็นระบบ มีแผนการปฏิรูปในทุกมิติ ต้องปรับภูมิทัศน์ของประเทศเราตามภูมิทัศน์โลกในวันนี้พร้อมกับเตรียมการรับความเสี่ยง เช่น การก่อการร้าย อากาศเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ทางการเงินดีขึ้นมาก เป็นผลมาจากรัฐบาลใช้นโยบายหลายๆด้าน ส่วนปัญหาความขัดแย้ง รัฐบาลได้หาวิธีแก้ไขทั้งด้านกฎหมาย และปรับแก้บูรณาการทุกด้าน ซึ่งต้องยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจากอดีตที่ผ่านมาไทยไม่เคยจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาก่อน โดยรัฐบาลมีแผนในการพัฒนาที่หลากหลาย และเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหลายกระทรวง พร้อมทั้งมีการติดตามประเมินผลในทุกกิจกรรม ทุกๆ 3 เดือน ที่ผ่านมามีข้อจำกัดในการขาดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงโครงการการก่อสร้างพื้นฐานต่างๆ และในอดีตทุกคนให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์พรรคเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากนี้ รัฐบาลจะวางแนวทางให้ทุกพรรคการเมืองต้องทำงานเชิงยุทธศาสตร์ชาติด้วย
นายกรัฐมนตรี ขอให้ทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคลเสียภาษีอย่างครบถ้วน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากภาระหนี้ที่มากขึ้น หากมีการจัดเก็บรายได้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จะเป็นส่วนชดเชยรายได้กลับคืนมา ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การใช้งบประมาณ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ และหากไม่เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ก็จะต้องมีการตัดงบคืนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งย้ำว่า ขอให้ปรับหรือตัดงบตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
"ทุกวันนี้รัฐบาลได้พยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ และไทยจะไม่เป็นภาระของโลกรวมถึงองค์การสหประชาชาติ แต่ยังมีบางคนที่ต้องการสร้างภาระให้สหประชาชาติ นอกจากนี้ วันนี้ยังมีปัญหาเรื่องประชามติ และรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนเข้าใจน้อยมาก เห็นได้จากผลสำรวจของโพลต่างๆ ที่อออกมา"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ดี ขอให้นักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศแสดงความคิดเห็นว่าแล้วต้องการอะไร อยากรู้เหมือนกันว่าจะตอบอย่างไร วันนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นอกจากนี้ต้องให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในชาติอย่างมีความสุขอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาด้านคมนาคม ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ที่เชื่อมโยงเส้นทางภายในประเทศและต่างประเทศ ขอทุกฝ่ายอย่าเพียงแต่มุ่งคัดค้าน เพราะเป็นการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้มีการตรวจสอบหากมีการทุจริตเกิดขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องมีการพัฒนาและใช้ประโยชน์ที่ดินจากสองข้างทางที่รางรถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับ พร้อมฝากให้ สนช.ช่วยพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันดูแลและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และครอบคลุมการแก้ปัญหาในทุกมิติ เพื่อให้การใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดเกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้การพัฒนาประเทศดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1-2 ปี ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเพราะจะเกิดความซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองงบประมาณ และบุคลากร
"ถ้าคิดทั้งหมดแล้วทำในวันนี้ไม่มีทางทำได้ ถ้าไม่ร่วมมือกันทำอะไรก่อนอะไรหลัง เพราะทุกคนอ้างกฎหมายทุกตัว มันก็ล้มเหลวทั้งระบบ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และลดความขัดแย้งภายในประเทศ เพื่อร่วมกันพลิกสถานการณ์โลกที่มีความขัดแย้งสูง พร้อมระบุถึงความจำเป็นที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องใช้อำนาจพิเศษ ในภาวะที่ผู้คนไม่เชื่อฟังกฎหมาย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยืนยันว่า จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
"การจัดทำงบประมาณครั้งนี้เป็นสิ่งยืนยันความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศมีมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ทั้งคน ทั้งเงิน ทั้งงบประมาณ และบูรณาการทางความคิดด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว