น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารฯ ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้จะเติบโตราว 3.5-4% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.8% จากปัจจัยหนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งล่าสุดมี 7 โครงการ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีชมพู, สายสีเหลือง, สายสีน้ำเงิน และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.81 แสนล้านบาท โดยมองว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยในเดือน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมา ภาครัฐมีการเบิกจ่ายไปทั้งสิ้น 7.5 แสนล้านบาท และในเดือน เม.ย.-ธ.ค.59 จะมีการเบิกจ่ายอีก 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งถ้าหากคิดเป็นไตรมาสจะอยู่ที่ 7.79 แสนล้านบาท พบว่าสูงกว่าในไตรมาส 1/59 อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจและกลับมาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าตลอดทั้งปีนี้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5%
"เรามองว่า GDP ของไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3.5-4% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ที่จะส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น รวมถึงการขอการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติ จากตัวเลขการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่มีมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเริ่มมีการลงทุนจริงจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย" น.ส.อุสรา กล่าว
สำหรับการส่งออกของไทยปีนี้ ยังประเมินว่าจะเติบโตได้ 3% จากปี 58 ที่ติดลบ 5.6% โดยปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา น้ำตาล น้ำมัน และปิโตรเคมี ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาติดปัญหาที่โครงสร้างการผลิต ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไข
ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ประเมินว่าปีนี้จะอยู่ที่ 1-1.5% เนื่องจากมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในครึ่งปีหลังจะได้รับปัจจัยมาจากค่าใช้จ่ายของภาคการผลิตและภาคการขนส่งที่เพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ด้านนายโรเบิร์ต มินิคิน หัวหน้าทีมวิจัยด้านการแลกเปลี่ยน ภูมิภาคเอเชีย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) คาดว่าเงินบาทสิ้นปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ และจะมีโอกาสได้เห็นเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นไปที่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนสิ้นปี และในปี 60 คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์
นายเอ็ดเวิร์ด ลี หัวหน้าทีมวิจัยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเชียที่กลับมา under perform จะเห็นได้จากเศรษฐกิจจีนที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยธนาคารฯ ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัวได้ 6.7-6.8% มากกว่าที่จีนคาดการณ์จีดีพีเติบโต 6.5% แต่หากมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าปีนี้จะเติบโตแค่ 1% จากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 1.9%