ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27 มิ.ย.-1 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.10-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดน่าจะยังคงติดตามผลกระทบต่อเนื่องจากกรณี BREXIT ท่าทีของผู้นำยุโรป มาตรการประคองสถานการณ์ของธนาคารกลางประเทศต่างๆ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด
ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย รายจ่ายด้านการก่อสร้าง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.และจีดีพีประจำไตรมาส 1/2559 นอกจากนี้ นักลงทุนอาจติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน และประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ที่ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังรับรู้ผลการลงประชามติของ UK ที่เลือกจะออกจากสหภาพยุโรป (BREXIT)
อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าลงบางส่วนก่อนปิดตลาดในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางของอีกหลายๆ ประเทศเข้าอัดฉีดสภาพคล่อง และแทรกแซงตลาด เพื่อลดความผันผวน สำหรับกระแสฟันด์โฟลว์ของไทยหลัง BREXIT นั้น นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 784 ล้านบาท และ 1.66 พันล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งก็เป็นภาพที่สอดคล้องกับมุมมองของธปท.
สำหรับในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) เงินบาทกลับมายืนที่ 35.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 มิ.ย.)